ม่านรัตติกาลมาเยือนอย่างเงียบเชียบ อันหลินที่เตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกมาทั้งวัน เดินทางกลับที่พักของตนแล้ว
อืม…ดึกดื่นป่านนี้ พรุ่งนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอม สองพี่น้องคู่นั้นคงจะกลับไปแล้วละมั้ง
เขาถอนหายใจเบาๆ ไม่คิดเลยว่าความโด่งดังจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายขนาดนี้
เมื่อเปิดประตูห้อง ภายในห้องมืดสนิท
พรึ่บ!
จู่ๆ ห้องก็สว่างโร่ทันใด บุคคลที่แต่งตัวเลิศหรูสองคนโผล่เข้ามาในสายตาของเขา
ผู้ชายสวมชุดสีดำ เหล่อเหลาเย็นชา ผู้หญิงสวมชุดสีเขียว น่ารักจิ้มลิ้ม
“เซอร์ไพรส์!”
ทั้งคู่ตะโกนพร้อมกัน
ขณะที่พูด ชายหนุ่มยังชักกระบี่ออกมาอีกด้วย
“ศิษย์พี่อันหลิน ข้าเหยาหมิงซี ปีหนึ่งห้องหนึ่ง” ชายหนุ่มกล่าว
“ที่รัก! ข้าเหยาซิ่ว ปีหนึ่งห้องหนึ่ง!” หญิงสาวตาเป็นประกาย
มุมปากของชายหนุ่มกระตุก “ซิ่วเอ๋อร์ สำรวมหน่อย!”
หญิงสาวแลบลิ้นเล็กน้อยอย่างขี้เล่น จากนั้นก็จดจ้องอันหลินไม่วางตา
อันหลินงงเป็นไก่ตาแตก สองคนนี้วิ่งมานั่งอยู่ในห้องของตนงั้นเหรอ
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“ลำดับต่อไปขอเชิญรับชมการแสดงที่เราตั้งใจเตรียมไว้เพื่อท่าน!” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมเพรียงกัน
“แม่น้ำหนึ่งสาย…คลื่นกว้างใหญ่…ลมโชยทุ่งข้าว…กลิ่นหอมไปสองฟากฝั่ง…บ้านฉันอยู่ที่…” เสียงหวานกังวานของซิ่วเหยาดังขึ้น
เหยาหมิงซีเองก็เริ่มรำกระบี่ ชั่ววินาทีที่แสงกระบี่สั่นสะเทือน พลังปราณก็เคลื่อนไหวอย่างมีจังหวะดุจเกลียวคลื่น ทั้งงดงามและพร้อมด้วยความสุนทรีย์
อันหลินอ้าปากค้าง เหม่อมองคนเสียสติสองคนที่กำลังร้องรำทำเพลงในห้องของตน
ไม่กี่นาทีให้หลัง สองคนที่ทุ่มเทแสดงจนจบก็มองอันหลินด้วยความคาดหวัง
“ศิษย์พี่อันหลิน การแสดงที่เราเตรียมไว้ให้ท่านชอบหรือไม่” เหยาหมิงซีจ้องอันหลินพลางเอ่ยถามอย่างลุ้นระทึก
“เพื่อให้ท่านรู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้าน ซิ่วเอ๋อร์ยังตั้งใจไปฝึกขับร้องเพลงแดนมนุษย์อีกด้วย!” ดวงตากลมโตสุกใสของเหยาซิ่วจ้องอันหลินอย่างเคลิบเคลิ้ม ท่าทางเหมือนบ่งบอกว่า ‘รีบชมข้าสิ’
ใบหน้าของอันหลินกระตุก เพื่อให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้าน ถึงได้ร้องเพลง ‘มาตุภูมิของฉัน’ เหรอ เยี่ยมจริงๆ!
“อืม ข้าชื่นชอบการแสดงของพวกเจ้ามาก ดึกแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ” เขาเค้นรอยยิ้มออกมา กล่าวกับทั้งสองคน
“อา…จริงหรือ ศิษย์พี่ชอบจริงๆ หรือ!”
เหยาซิ่วพินิจมองอันหลิน ลมหายใจถี่กระชั้น เข้ามาใกล้ทีละก้าว
อันหลินถอยหลังทีละก้าว ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
“ขอเพียงศิษย์พี่ชอบ พวกเราสองพี่น้องมาร้องรำทำเพลงให้ท่านชมทุกวันได้!” เหยาหมิงซีก็เข้าใกล้อันหลินไม่หยุด จ้องเขาด้วยแววตาเร่าร้อน
“ไม่ต้องลำบากเช่นนั้นหรอก ข้าพอใจมากแล้ว!” อันหลินปฏิเสธทันควัน
“ไม่ลำบากหรอก!” ทั้งคู่ระริกระรี้ พูดขึ้นพร้อมกัน
อันหลินคำรามกร้าวในใจ ‘พวกเจ้าไม่ลำบาก แต่ข้าลำบาก!’
“ศิษย์พี่อันหลิน พวกเราขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม”
“ได้…”
อันหลินเซ็นชื่อลงบนกระบี่ของพวกเขา
นี่เป็นจุดที่ผู้บำเพ็ญกระบี่ให้ความสำคัญที่สุด ยอมให้เขาเซ็นชื่อลงไปตรงนั้น อดพูดไม่ได้ว่า สองพี่น้องคู่นี้กลายเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาไปแล้วจริงๆ…
“ศิษย์พี่อันหลิน นี่เป็นยันต์สื่อจิตของข้า ขอช่องทางการติดต่อได้ไหม”
“ได้…”
อันหลินทิ้งตราประทับลงบนยันต์สื่อจิตของพวกเขา เพื่อส่งแฟนคลับบ้าคลั่งสองคนนี้ไป เขาก็ทุ่มสุดตัวแล้วเช่นกัน
“ศิษย์พี่อันหลิน พวกเราย้ายมาอยู่ที่ห้องของท่านได้ไหม”
“ได้…”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม