พลังเซียนของอันหลินคิดค้นสำเร็จแล้ว เขาตั้งชื่อมันว่าหมัดปรมาณูอัสนี!
พลังเซียนชนิดนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ แต่ผลข้างเคียงก็ชัดเจนมากเช่นกัน
หากพลาดท่า ตนก็อาจจะเสียชีวิตได้
ดูสิ เพราะอานิสงฆ์จากหมัดปรมาณูอัสนี เขานอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงมาครึ่งเดือนเต็มแล้ว อืม…หากไม่มีวิชาพฤษธาตุอมตะ สิ่งที่เขาได้นอนแผ่ในตอนนี้ คงจะเป็นเตียงที่เต็มไปด้วยดอกไม้แล้ว
เมฆรูปเห็ดในตอนนั้นมีอานุภาพรุนแรงเป็นล้นพ้น สร้างความทรงจำให้เหล่านักเรียนอย่างลึกซึ้งยิ่งนัก พวกเขาต่างก็เคารพนับถือสหายอันหลิน ผู้ที่เสี่ยงชีวิตคิดค้นพลังเซียนอย่างสูงสุด
พลังเซียนที่อันหลินคิดค้นเอง ก็ถูกบันทึกลงในคู่มือด้านลบที่เซียนพสุธาชางชิงใช้ประกอบการเรียนการสอน ลือกระฉ่อนไปทั่วรั้วสำนักของสรวงสวรรค์
วีรกรรมอันโชติช่วงเหล่านี้ อันหลินล้วนได้รู้จากปากของสวีเสี่ยวหลาน
เพราะยามนั้นสวีเสี่ยวหลานอยู่ไม่ไกลเลยพลอยโดนคลื่นลูกหลงของหมัดปรมาณูอัสนี ได้รับบาดเจ็บโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น นางจึงใช้กล้องถ่ายรูปบันทึกภาพของอันหลินที่ดำเกรียมทั้งตัวด้วยความคับแค้นใจ แถมยังพิมพ์ออกมาวางไว้บนหัวเตียงของอันหลิน ให้เขาได้เชยชม เจตนาของนางไม่พูดก็รู้
พออันหลินฟื้นขึ้นมา ทุกครั้งที่เห็นรูปถ่ายใบนั้น เห็นคนดำที่เปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ข้างในนั้น ก็จมอยู่ในภวังค์ความคิด
เขามักจะคิดว่าหากเพียงปล่อยหมัดออกไปเร็วกว่านี้น้อย น่าจะไม่โดนลูกหลง แต่พอเขาเห็นรูปถ่ายใบนั้นแล้ว ก็ไม่กล้าทดลองเป็นครั้งที่สองอีกเลย…
ตลอดครึ่งเดือนในการรักษาตัว นอกจากเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมแล้ว ก็มีเหยาหมิงซีกับเหยาซิ่วที่ทั้งร้องทั้งเต้นภายในห้องของเขา ในที่สุด ยามบ่ายคล้อยที่แสงตะวันเจิดจ้า เขาได้ก้าวออกจากศูนย์การรักษาพร้อมกับกระบอกตาที่รื้นน้ำตา
“ฟู่…เรารอดมาอีกครั้งแล้ว!” อันหลินกางแขนทั้งสองข้างออก โอบกอดพระอาทิตย์
“ยินดีด้วยนะนายท่าน ตอนนี้รนหาที่ตายต่อได้แล้ว!” เสียงอ่อนหวานดังออกมาจากกระเป๋า
อันหลินได้ฟังมุมปากก็กระตุก ก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างเขินอาย
เสี่ยวหงฟื้นคืนชีพอีกครั้งแล้ว หลังผ่านการสังเคราะห์แสงอยู่ระยะหนึ่ง
ตอนที่เขาใช้หมัดปรมาณูอัสนี ลืมหยิบเสี่ยวหงออก จึงทำให้มันกลายเป็นตัวละครที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้านายได้สำเร็จ ผ่านการชำระล้างของระเบิด
ความโกรธแค้นที่เสี่ยวหงมีต่อผู้เป็นนายในตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะคลี่คลายได้ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค เมื่อเผชิญหน้ากับคำถากถามของเสี่ยวหง อันหลินไม่กล้าต่อบทสนทนาเลยจริงๆ ด้วยกลัวว่าเสี่ยวหงจะระเบิดกะทันหัน ลงทัณฑ์เขาในฐานะตัวแทนของดวงตะวัน
ขณะเดียวกัน ในห้องประชุมแห่งหนึ่งของสำนัก
รองผู้อำนวยการอวี้หัวผู้มีคิ้วดกดำดวงตากลมโตกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะกลม คนที่ร่วมประชุมกับเขาในครั้งนี้ มีเบื้องบนของสำนักอีกหกชีวิต
“การชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศในครั้งนี้ เกี่ยวกับตัวแทนนักเรียนสรวงสวรรค์ที่คัดเลือกจากการโหวต พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร” อวี้หัวกล่าว
“หึ! เหลวไหลทั้งเพ อันหลินอยู่เพียงระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ แต่กลับถูกเลือกโดยคะแนนโหวตสูงสุด นี่เป็นการเลือกเขามาทำให้สรวงสวรรค์ของเราขายหน้าไม่ใช่หรือ!” จูเจิ้งจื้อจากฝ่ายพลังเซียนฮึดฮัดในลำคอ พูดอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก
“ข้ากลับคิดว่าอันหลินสมควรแล้ว พวกเจ้าลืมวีรกรรมตลอดหนึ่งปีนี้ของเขาไปแล้วหรือ สรวงสวรรค์คงไม่มีนักเรียนคนไหนโดดเด่นเท่าเขาแล้วกระมัง” ลู่หยางจากฝ่ายศึกษาค่ายกลหวังในตัวอันหลินเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยปากพูดด้วยรอยยิ้ม
“แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า พลังของเขาไม่อาจควบคุมได้ดั่งใจ บอกตามตรง เขายังเป็นเพียงนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเท่านั้น ให้เขาเป็นตัวแทนคนสำคัญของนักเรียน เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสม…” หนานกงฉี่จากฝ่ายอาวุธขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า “ตัวแทนนักเรียนของสรวงสวรรค์มีสามคน พวกเราให้หวังเสวียนจ้านเป็นตัวแทนคนสำคัญได้ อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนเป็นตัวแทนทั่วไป จัดการเช่นนี้ ก็ไม่ถือว่าทำลายกฎ และการจัดลำดับก็นับว่าสมเหตุสมผล”
ผู้บริหารอีกสามคนที่เหลือได้ฟังก็พยักหน้าเบาๆ เห็นได้ชัดว่ายอมรับข้อเสนอแนะของหนานกงฉี่
ด้วยเหตุนี้ ตัวแทนนักเรียนของสรวงสวรรค์ในการชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศจึงถูกเลือกอย่างเป็นทางการแล้ว ตัวแทนทั้งสามคนแบ่งออกเป็นหวังเสวียนจ้าน อันหลินและหลิวเชียนฮ่วน!
อันหลินกลับสำนักอย่างกระฉับกระเฉง จากนั้นก็ทราบข่าวดีเรื่องนี้
เขางุนงงไปเล็กน้อย “ชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศ? ตัวแทนนักเรียนสามคน? ไปประชุมในนามสำนักหรือ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม