ฟากฟ้ามีแสงอรุณสาดรำไร แสงแดดฉาบให้ชั้นเมฆเป็นสีทอง
รองผู้อำนวยการอวี้หัวในจัตุรัสฟ้าคราม ประกาศผลลัพธ์สุดท้ายของการประลองต่อหน้าผู้ชมหลายหมื่นชีวิต
กลุ่มตัวแทนของสรวงสวรรค์ได้รางวัลชนะเลิศจากงานแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศในครั้งนี้ ด้วยคะแนนสูงถึงแปดสิบสามจุดเจ็ดคะแนน เมืองพุทธได้ที่สองไป สวนเอเดนเป็นที่สาม หอสร้างโลกที่โหล่
หลังผ่านการพักรักษาระยะหนึ่งแล้ว อันหลิน หวังเสวียนจ้านกับหลิวเชียนฮ่วนยืนอยู่บนเวทีเพื่อรับรางวัล
อันหลินถือถ้วยรางวัลที่จะถูกเก็บในหอรำลึกของสำนักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มองเสียงโห่ร้องอันคึกคักของหลายหมื่นชีวิตตรงหน้า ในใจตื้นตันยิ่งนัก ก่อนเข้าร่วมการแข่งขัน เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเดินมาถึงจุดนี้ได้
ทว่าตอนนี้ เพราะเขาเป็นคนที่เคยได้ลงแรง เคยทำความดีความชอบ เขาคิดว่าตอนนี้สามารถถือถ้วยรางวัลใบนี้ได้อย่างไม่ละอายใจ!
นอกจากนักเรียนในจัตุรัสฟ้าครามแล้ว ตัวแทนของอีกสามอิทธิพลที่เหลือก็ปรบมือขึ้นมาด้วยใจจริง
การประลองในครั้งนี้ตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ และได้แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของเยาวชนของแต่ละอิทธิพลได้อย่างเต็มเปี่ยม ชื่อของอันหลินผู้เคลื่อนย้ายปรมาณู หลิวเชียนฮ่วนสาวน้อยบ้าอินเตอร์เน็ตและหหวังเสวียนจ้านผู้เล่นดีเด่นคนที่สี่ สร้างความทรงจำให้พวกเขาอย่างลึกซึ้งยิ่ง วีรกรรมของผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ก็จะดังกระฉ่อนไปทั่วจตุรทิศเช่นกัน
หลังประกาศผลลัพธ์แล้ว ก็เข้าสู่ช่วงการมอบรางวัล
สรวงสวรรค์คว้ารางวัลชนะเลิศ รางวัลนานาชนิดตามกันมาไม่ขาดสาย เพียงแต่ผู้ที่ทำหน้าที่มอบรางวัลเหล่านี้ ทำให้อันหลินสะดุ้งโหยงอีกครั้ง
หญิงสวมชุดสีอ่อนคนหนึ่งเดินนวยนาดมา ปรากฏกายตรงหน้าอันหลิน
นางงดงามเหนือธรรมดา เป็นดุจเทพธิดาที่ออกมาจากภาพวาดน้ำหมึก คิ้วโก่งเลิกขึ้นเล็กน้อย มุมปากเผยรอยยิ้มมีเลศนัย
“นักเรียนอันหลิน เจ้าทำได้ไม่เลวนี่นา เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ข้าอีกครั้ง” หญิงสาวยิ้มกริ่ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“แหะๆ ขอบคุณใต้เท้าเทียนอวี่ที่ชม” อันหลินสะกดกลั้นอารมณ์ พูดพลางยิ้มหวาน
เทพธิดาเทียนอวี่มอบยี่สิบหินปราณ บัตรกำนัลแลกยาเซียนและบัตรกำนัลแลกอาวุธวิเศษให้อันหลิน จากนั้นก็พูดว่า “หลังจบพิธีมอบรางวัล มารอข้าที่ศาลากระเรียนขาว”
ใบหน้าของอันหลินชะงักเล็กน้อย “ข้าปฏิเสธได้ไหม”
“ไม่ได้!” เทียนอวี่ตอบอย่างหนักแน่น
อันหลินถอนหายใจอย่างแรงเมื่อได้ยิน ใบหน้ามีแต่ความระอาใจ
เทพธิดาเทียนอวี่เบือนหน้าหนี จากไปด้วยท่าทางของผู้ชนะ มอบรางวัลให้คนอื่นต่อไป
ไม่นานพิธีมอบรางวัลก็สิ้นสุดลง งานแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์
ผ่านการประลองมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนของแต่ละฝ่าย หรือผู้ชมแต่ละคนในจัตุรัสฟ้าคราม ใบหน้าล้วนแสดงอาการอิดโรย พากันแยกย้ายกลับไปพักผ่อน
ครั้งนี้อันหลินได้ประโยชน์มหาศาล และไปจากจัตุรัสฟ้าครามอย่างอิ่มอกอิ่มใจเช่นกัน
หลังได้มายี่สิบหินปราณแล้ว ทรัพย์สินของเขาก็ทะลุหนึ่งล้านหินวิญญาณอีกครั้ง
นอกจากนี้ เขายังได้รับสิทธิ์ไปแลกอาวุธวิเศษขั้นกลางที่หอสมบัติหนึ่งชิ้น และแลกยาเซียนขั้นหกหนึ่งเม็ดที่ราชวังดุสิต แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
แต่ทว่า ต่อไปต้องไปศาลากระเรียนขาว เกรงว่าจะไม่ง่ายดายขนาดนั้นแล้ว
ความจริงแล้วในใจเขาก็วิตกกังวลอยู่เหมือนกัน ไม่รู้เช่นกันว่าหลินจวิ้นจวิ้นเชื้อเชิญครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
อืม หากสาเหตุที่เชื้อเชิญเป็นเพราะรวบรวมของมีค่าครบแล้ว จึงตั้งใจมาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลของสถาบันวิจัยดาวม่วงกับเขาละก็ มันจะเป็นเรื่องดีที่ยิ่งนัก…
เดินเลียบไปตามเส้นทางคดเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็เจอศาลาที่สร้างจากหินสีขาว
ข้างศาลาเป็นทะเลสาบ ลมอ่อนโชยผ่าน เกิดริ้วคลื่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง
หญิงชุดสีอ่อนนั่งอยู่ในศาลากระเรียนขาวเงียบๆ ใบหน้าขาวปลอดกำลังจดจ่อ
เรียวนิ้วดุจต้นหอมถือพู่กัน ทว่าไม่ได้จรดพู่กัน แต่กำลังจดจ้องภาพตรงเบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่ออันหลินเห็นมุมที่อ่อนโยนเรียบร้อยของหลินจวิ้นจวิ้น ก็เดินเข้าไปด้วยความโล่งใจนิดหน่อย
“ใต้เท้าเทียนอวี่ ข้ามาแล้ว” เขาก้าวเข้าไปในศาลา เอื้อนเอ่ยเสียงเบา ด้วยเกรงว่าจะรบกวนหญิงสาวตรงหน้า
หญิงสาวเงยหน้าแล้วยิ้มบางๆ “ครั้งแรกที่เจอเจ้า เหมือนว่าจะไม่ได้สุภาพขนาดนี้นะ”
อันหลินยิ้มเขินๆ ไม่ตอบโต้
“รู้ไหมว่าข้าเรียกเจ้ามาทำไม” หลินจวิ้นจวิ้นพูดต่อ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม