“ฮะ” อันหลินเห็นอากัปกิริยาของหยินสี่ ในใจพลันเกิดสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
หรือว่า…นี่จะเป็นเช็กเด้งจริงๆ!
ในหอพิมานของดินแดนสรวงสวรรค์
หญิงสาวที่สวมชุดสีอ่อนคนหนึ่งกำลังทำหน้ามุ่ย สายตามองผ่านหน้าต่าง จดจ้องดอกท้อสิบลี้ด้านนอก ทอดถอนใจแผ่วเบา
นิ้วขาวปลอดเรียวยาวม้วนผมเงางามไม่หยุด นัยน์ตาเลื่อนลอย ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
“เสี่ยวจื่อ เจ้ากลุ้มเรื่องอะไรอีกแล้ว”
จู่ๆ เสียงอบอุ่นก็ดังขึ้นด้านหลังนาง กระชากสติของหญิงสาวที่แววตาเลื่อนลอยกลับมา
“เสด็จพ่อ! อย่าเอาแต่เรียกชื่อเล่นของลูกสิ ทำให้ลูกนึกถึงเจ้างั่งคนนั้น!” หญิงสาวหันหน้ามองชายที่มีหนวดเครา ใบหน้าลุ่มลึกที่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับบ่นอุบอิบ
เมื่อบุรุษที่มีฐานะเป็นถึงเจ้าแห่งแดนจิ่วโจวเผชิญหน้ากับเสียงบ่นของบุตรสาว ก็ไม่ได้โกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด กลับพูดหยอกเย้าว่า “นั่นหมายความว่าความเห็นของพ่อกับวีรบุรุษน้อยที่ชื่ออันหลินคนนั้นตรงกัน สัตว์เลี้ยงของเขาก็ชื่อเสี่ยวหง ต้าไป๋ไม่ใช่หรือ ชื่อแบบนี้ทั้งไพเราะและซื่อตรง!”
“ฮะ เสด็จพ่อเห็นลูกเป็นสัตว์เลี้ยงแล้วหรือ” หญิงสาวไม่สบอารมณ์เมื่อได้ฟัง เอ่ยปากโต้แย้งทันที
เสียงของชายคนนั้นสะดุดกึกเพราะสำลัก
เขาคิดว่าลูกสาวคนนี้ชอบต่อปากต่อคำกับตนมากขึ้นทุกวัน ทั้งๆ ที่ตนอบรมบ่มเพาะนางไปในทิศทางฉลาดปราดเปรื่อง สุขุมพูดน้อยแท้ๆ แต่ไยช่วงนี้นิสัยถึงได้แย่ลงทุกวันกันนะ…
หญิงคนนี้ก็คือหลินจวิ้นจวิ้นที่ถูกอันหลินยั่วโมโหนับครั้งไม่ถ้วนนั่นเอง และบุรุษที่ดูสง่างามแต่น่ายำเกรงตรงหน้านาง แน่นอนว่าเป็นบุคคลที่สูงศักดิ์ที่สุดของแดนจิ่วโจว จักรพรรดิสวรรค์ เจ้าแห่งสรวงสวรรค์นั่นเอง
แรกเริ่มเดิมทีจักรพรรดิสวรรค์อยากตั้งชื่อธิดาทั้งเจ็ดของตนด้วยสีแดง แสด เหลือง เขียว น้ำเงิน ครามและม่วง เสียดายที่ความคิดนี้ถูกราชินีมารดรปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งยังตั้งชื่อลูกสาวทั้งเจ็ดคนแทนตนว่า เทียนโซ่ว เทียนหยาง เทียนหรง เทียนชาง เทียนเสียน เทียนชิ่งและเทียนอวี่
ธิดาทั้งเจ็ดย่อมชอบชื่ออันเป็นปกติที่ราชินีมารดรตั้งให้อยู่แล้ว ฉะนั้นชื่อที่ตั้งโดยสีของเขาจึงค่อยๆ หลุดออกจากสายตาของเหล่าเทพธิดา มีเพียงจักรพรรดิสวรรค์ที่ยังคงดื้อดึงจะเรียกชื่อที่ถูกต้องด้วยสี
เมื่อจักรพรรดิสวรรค์ทราบว่าอันหลินแห่งสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนก็ชอบตั้งชื่อสัตว์ด้วยสีเช่นกัน อุทานดังลั่นโดยพลันว่าพบเพื่อนรู้ใจ หากไม่ใช่เพราะอยากปล่อยให้เขาเป็นอิสระสักสองสามปี ตนอยากไปพบหน้าตั้งนานแล้ว
“กลุ้มใจครานี้ เป็นเพราะเจ้างั่งที่ชื่ออันหลินอีกแล้วหรือ” จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มบางๆ แล้วพูดต่อ
“ก็ใช่น่ะสิเพคะ…รังแกที่ลูกไม่มีเงินอีกแล้ว…” หลินจวิ้นจวิ้นเบะปากอย่างไม่พอใจ
จักรพรรดิสวรรค์กลับเบิกบานใจเมื่อได้ฟังเช่นนั้น “เรื่องนี้เราควรจะดีใจไม่ใช่หรือ ขุดคุ้ยข้อมูลดาวม่วงได้มากมายปานนั้น เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสรวงสวรรค์อย่างใหญ่หลวง เราต่างก็รู้ดี สหายอันหลินคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆ ตอนนี้พ่อชื่นชมเขามากขึ้นทุกวันแล้ว…”
จักรพรรดิสวรรค์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากว่า “เอาอย่างนี้ อีกสักสองสามวันน่าจะถอนห้าร้อยหินปราณได้ที่หอหยวนเป่า ถึงตอนนั้นเจ้าไปถอนกับเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ใช้เงินฟาดหัวเจ้างั่งคนนั้น!”
หลินจวิ้นจวิ้นกลอกตา “เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้อยากโจมตีเสด็จพ่อนะ หนึ่งพันหินปราณก็อาจจะไม่พอ”
“มากขนาดนั้นเชียวหรือ!” จักรพรรดิสวรรค์สะดุ้ง พูดด้วยความตกใจ
การรวบรวมข้อมูลดาวม่วงเป็นหน้าที่ของเทียนอวี่เสมอมา ปกติจักรพรรดิสวรรค์ไม่ไถ่ถาม
เขาเพิ่งรู้ตอนนี้ว่า นักพรตน้อยอย่างอันหลินคนนี้มีข้อมูลมหาศาลเพียงใด
“ดี ดีนัก!” หลังจักรพรรดิสวรรค์เงียบไปชั่วครู่แล้วก็พูดว่าดีออกมาสองครั้ง “นี่เป็นความโชคดีของสรวงสวรรค์ ชายหนุ่มอัจฉริยะแท้ๆ! มีข้อมูลมากมายขนาดนี้ การทดลองนั้นน่าจะเข้าสู่ขั้นที่สามได้แล้วกระมัง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของหลินจวิ้นจวิ้นถึงได้มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาบ้าง นางพยักหน้า “เริ่มขั้นตอนที่สามแล้ว กำลังจะมากราบทูลเสด็จพ่อนี่แหละ”
จักรพรรดิสวรรค์อารมณ์ดี หัวเราะลั่น “เรื่องมากมายที่อันหลินทำเหนือความคาดหมายได้เสมอ นี่เป็นการแสดงออกถึงความสามารถ และโชคชะตา เสี่ยวจื่อคลุกคลีกับเขาให้มาก ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…”
ไยหลินจวิ้นจวิ้นจะไม่เข้าใจความนัยของเสด็จพ่อ ใบหน้าขาวหยวกขึ้นสีโดยพลัน กำลังจะตอบโต้ กลับพบว่ายันต์ส่งสารในแหวนมิติสว่างวาบ
นางหยิบยันต์ส่งสารออกมา ผู้ที่ติดต่อมาคือผู้เที่ยงแท้หยินสี่



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม