อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์ต่างก็ตกตะลึง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเซี่ยเหนียวที่เป็นมาโซคิสม์จะถูกสวีเสี่ยวหลานกำราบ
จะให้ชายชาตรีทั้งสามเอาหน้าไปไว้ที่ไหน…อยากเอาหัวชนกำแพงจริงๆ!
เซี่ยเหนียวบินมาหาสวีเสี่ยวหลาน พ่นพันธุ์ไฟสีทองออกมา “หลับตาแล้วเพ่งสมาธิ”
สวีเสี่ยวหลานหลับตาตามคำสั่ง พันธุ์ไฟสีทองเริ่มซึมลงไปในฝ่ามือของนาง
ครืน! จู่ๆ พลังปราณฟ้าดินก็กระเพื่อมขึ้นมา
“ข้ารู้สึกไปเองหรือ ข้ารู้สึกว่ากลิ่นอายของสวีเสี่ยวหลานเหมือนว่าจะแข็งแกร่งขึ้น” อันหลินมองหญิงสาวที่ขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วพูดขึ้นมา
“ข้าก็สัมผัสได้เหมือนกัน รับมรดกช่วยเพิ่มพลังยุทธ์ได้ด้วยหรือ โฮ่ง!” ต้าไป๋เองก็ทำหน้างุนงงเช่นกัน
คราวนี้เซี่ยเหนียวยิ้ม “นี่เป็นเพราะใจของนางหยั่งรู้ยามรับมรดก อาศัยโอกาสนี้ กลั่นพลังแห่งเปลวเพลิงภายในร่างกาย ทำให้เปลวเพลิงของตัวเองบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น สามารถคว้าโอกาสนี้ได้ฉับพลันทันใด นางมีพรสวรรค์ทางด้านเปลวเพลิงเป็นอย่างมาก…”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ร่างของสวีเสี่ยวหลานก็ถูกลูกไฟห้อมล้อม สีของเปลวไฟเป็นสีเหลืองเจือสีทอง กระจายกลิ่นอายที่ร้อนระอุยิ่งนัก
นางลืมตาขึ้น ใบหน้าฉายความตื่นเต้น “สำเร็จแล้ว!”
เซี่ยเหนียวพยักหน้า “มอบมรดกสำเร็จ ข้าก็ควรจะไปจากที่นี่แล้ว แล้วพบกันใหม่ หากพบกันครั้งนี้ หวังว่าตัวผู้อย่างพวกเจ้าจะแรงกว่านี้หน่อยนะ โฮะๆ ๆ…”
เมื่อพูดจบ มันก็กางปีก เมื่อเปลวไฟม้วนตัว ร่างก็ทะยานขึ้นฟ้า บินไปทางประตูของสุสานมังกร
อันหลิน “…”
ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์กลับสู่เวอร์ชันมินิ ห่อเหี่ยวเหลือเกิน
หากว่าเป็นไปได้ พวกมันอยากจะแปลงร่างเป็นต้นหญ้าจริงๆ
“เอาละๆ เราไปตำหนักอีกหลังกันเถอะ!”
สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างมีชีวิตชีวา
ตอนนี้มีเพียงสวีเสี่ยวหลานที่สนุกสนาน มรดกทั้งสองที่มีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของนางแล้ว
ตำหนักหลังที่สามชื่อว่า ตำหนักแห่งสารท
พวกเขาผลักประตูออกด้วยความหวั่นวิตก สิ่งที่เห็นคือหญิงสาวที่นั่งสมาธิอยู่บนเบาะสาน
นางมีใบหน้างดงาม สวมชุดแดงดุจเพลิง มีกระบี่โบราณวางเหนือเรียวขายาว กำลังหลับตาพริ้มทำสมาธิอยู่
เมื่ออันหลินเห็นหญิงสาวคนนี้ ก็รู้สึกว่ามีระดับสูงมาก อืม…มีมาดของไต้ซือ!
พบเจอไต้ซือแบบนี้ ทุกคนห้ามรบกวนนางเป็นอันขาด มันเป็นการเสียมารยาทอย่างแรง วิธีการรับมือที่ดีที่สุดก็คือ ยืนรอเงียบๆ ให้ไต้ซือปลีกเวลามาเอง
เห็นได้ชัดว่าสวีเสี่ยวหลานก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ยืนอยู่อีกมุมกับอันหลินเงียบๆ จ้องหญิงสาวคนนั้นด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังเล็กๆ
เวลาผ่านไปช้าๆ
อันหลินคิดว่าด่านนี้อาจจะทดสอบความอดทนของพวกเขาก็เป็นได้ จึงไม่ได้ทำอะไรมากนัก
เวลาผ่านไปอย่างยาวนานโดยไม่รู้ตัว
หน้าอกของหญิงชุดแดงกระเพื่อมเล็กน้อย ศีรษะเอียงไปอีกทาง มีของเหลวแวววาวไหลลงจากมุมปาก
อันหลิน “…”
สวีเสี่ยวหลาน “…”
“นางหลับไปแล้วหรือ” อันหลินส่งกระแสจิต
“น่าจะใช่ น้ำลายย้อยลงมาแล้ว เจ้าเคยเห็นใครนั่งสมาธิแล้วน้ำลายไหลบ้างไหม” สวีเสี่ยวหลานส่งกระแสจิตตอบ
“งั้นเราไปปลุกนางกันเถอะ” อันหลินพูดต่อ
“บุ่มบ่ามไปปลุกเช่นนี้ นางจะโมโหหรือไม่ เรื่องมรดกจะคว้าน้ำเหลวไหม” สวีเสี่ยวหลานกังวลใจ
อันหลินพยักหน้า คิดว่ามีเหตุผล เขาจึงโยนมินิป๋ายออกไป “ไปเลยต้าไป๋!”
“โฮ่ง! ไยจึงเป็นข้า!”
ต้าไป๋ที่ถูกทำร้ายจิตใจเมื่อครู่ยังไม่ทันหายดีโอดครวญ จากนั้นใบหน้าก็ชนกับใบหน้าของหญิงสาว…
ปึก!
ต้าไป๋กระแทกจนหญิงสาวถอยหลัง
สวีเสี่ยวหลาน “…”
อันหลินเบิกตากว้าง เขาคิดว่าตัวเองโยนแรงเกินไปหน่อย แต่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เพราะไม่คิดว่าต้าไป๋จะเบาหวิวปานนี้
“อ๊าก! ใครน่ะ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม