หลังบอกลาเซวียนหยวนเฉิง อันหลินก็เดินกลับหอพักด้วยความกลุ้มใจ
ตอนนี้เขาเป็นบุคคลที่โด่งดังอันดับหนึ่งของสำนักแล้ว มักจะมีนักเรียนมาทักทายเขา ความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวเลย โดยเฉพาะในยามที่เขาทักทายคนอื่นเวลาขี่ต้าไป๋ มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้นำมาตรวจดูสำนักอย่างไรอย่างนั้น
ระหว่างที่อันหลินขี่สุนัขตรวจตราอยู่นั้น ก็พบกับซูเฉี่ยนอวิ๋นที่กำลังเดินเล่นอย่างเนิบนาบ
“นี่ สหายซูเฉี่ยนอวิ๋น ปิดเทอมเป็นอย่างไรบ้าง”
“เหมือนเดิมเลย อยู่กับพี่ฉางเอ๋อแล้วกลับไปพักผ่อนที่ราชวังระยะหนึ่ง ช่วงปิดเทอมก็สิ้นสุดแล้ว”
“อ้อ ก็ไม่เลวเลยนี่นา จะบอกให้นะ ตอนนี้ข้าบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้ว”
“คุณพระ! สหายอันหลินสุดยอดไปเลย!”
“แหะๆ หามิได้ ชมเกินไปแล้ว!”
…
หลังได้คุยโวโอ้อวดแล้ว เขาก็เดินหน้าต่อไปอย่างสบายอารมณ์ เจอหญิงผมสั้นสีชมพูที่นั่งเหม่อบนม้านั่งหยก
“นี่ ศิษย์พี่หลิวเชียนฮ่วน ปิดเทอมเป็นอย่างไรบ้าง”
“น่าเบื่อจะตายชัก ไม่มีใครเล่นเกมกับข้า!”
“ท่านควรไปใช้เวลาที่แดนมนุษย์”
“เฮ้อ อย่าพูดถึงเลย ไม่มีสิทธิ์น่ะสิ! ข้าติดบัญชีดำไปแดนมนุษย์ของสำนักแล้ว เพราะภารกิจไปแดนมนุษย์ครั้งก่อน พาสมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งไปร่วมการแข่งเล่นเกม กระทบต่อเรื่องสำคัญ ถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแดนมนุษย์รายงานสรวงสวรรค์”
“…ท่านน่ะสมควรแล้ว จริงสิ กึ่งแปลงจิตมานานขนาดนี้แล้ว บรรลุระดับแปลงจิตหรือยัง”
“ยังขาดอีกนิด”
“ช้าปานนี้เชียวหรือ ข้าจะบอกให้นะ ตอนนี้ข้าบรรลุระดับแปลงจิตขั้นปลายแล้ว!”
“อืม ทำไมหรือ”
“ให้ตายสิ ท่านไม่ตกใจหรือ!”
“ข้าควรตกใจหรือ อย่างไรเสียเจ้าก็เล่นลีคออฟคิงสู้ข้าไม่ได้”
“…”
…
อันหลินตบตูดต้าไป๋ปุๆ แล้วเดินหน้าต่อ เจอร่างบางที่สวมชุดสีเขียวอยู่ด้านหน้า
“ฮาย เสี่ยวหลาน ปิดเทอมเป็นอย่างไรบ้าง”
“เสี่ยวอันจื่อ ข้าอยากถามเจ้าอยู่พอดีว่า ยังมีความเป็นเจ้านายอยู่หรือไม่ ทิ้งเสี่ยวหงให้ข้าดูแลหมายความว่าอย่างไร เจ้ารู้ไหมว่าตอนที่ข้ากำลังนอนอยู่ในสำนักวิหคชาด จู่ๆ ก็มีเสียงร้องเพลงกังหันแว่วมา มันเป็นความรู้สึกแบบไหน!”
“โธ่ ข้าขอโทษ ข้าลืมไปนี่นา จะว่าไปตอนนี้เสี่ยวหงอยู่ไหนล่ะ”
“ฮึ่ย อยู่ในกระถางของห้องข้า ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกยามเช้าเลยด้วยซ้ำ ก็ได้ยินมันร้องเพลงกังหันลมแล้ว”
“อะแฮ่ม…ใจเย็นๆ นะ เจ้าศึกษามรดกของเสิ่นอิงไปถึงไหนแล้ว”
“แทบจะไม่มีปัญหา หลังพลังงานสายฟ้าของไข่มุกมังกรอัสนีถูกข้าดูดซึมแล้ว สายเลือดมังกรหงส์ก็เปลี่ยนจากกำราบกันกลายเป็นผสมผสานกันแล้ว มรดกอย่างอื่นก็เริ่มกระจ่างแจ้ง จวนจะถึงขั้นหยั่งรู้วิชาของตนแล้ว”
“ว้าว! ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของเจ้าช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
“ต้องขอบคุณเจ้า ครั้งหน้าหากล่าขุมทรัพย์อีก อย่าลืมเรียกข้าด้วยละ”
“ค่อยว่ากัน…เสี่ยวหลาน ความจริงข้ามีข่าวอยากบอกเจ้า นั่นก็คือข้าบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้ว!”
“อ้อ…ครั้งนี้กินของพิลึกกึกกืออะไรอีกล่ะ หรือใช้วิธีแปลกพิสดารอะไรกระตุ้นถึงสำเร็จได้ล่ะ”
“…เสี่ยวหลาน ในสายตาเจ้าข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“…”
…
จู่ๆ อันหลินก็รู้สึกกลุ้มใจ ทำไมการอวดว่าระดับพลังยุทธ์ก้าวกระโดดถึงได้ยากเย็นขนาดนี้กันนะ
เหตุการณ์ปกติควรจะหายใจดังเฮือกกันทุกคน จากนั้นพากันอุทานว่าเขามีพรสวรรค์เลิศล้ำ ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร จากนั้นเคารพนับถือไม่ใช่เหรอ
แต่ในบรรดาผู้คนมากมายเหล่านี้ เหมือนว่าจะมีแค่ซูเฉี่ยนอวิ๋นที่มีปฏิกิริยาแบบนั้น มันเพราะอะไรกันแน่


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม