มื้อค่ำวันนี้ทั้งสามคนกินอย่างอิ่มหนำ กินเสร็จก็นั่งดูทีวีบนโซฟา
อันหลินดูรายการโทรทัศน์ในระยะสองปีนี้ รู้สึกว่าน่าเบื่อขึ้นทุกวัน แทบจะถูกเด็กหนุ่มที่ไร้ฝีมือการแสดง ไม่มีทักษะด้านการร้องเพลงยึดพื้นที่หมดแล้ว อาศัยหน้าตาหากิน
หากดูทีวีเพื่อดูความหล่อสวยละก็ อืม…แล้วจะดูไปทำพระแสงอะไร!
หน้าตาเขาดีกว่าหนุ่มๆ พวกนั้นเสียอีก ถ้าอยากจะดูคนหล่อจริงๆ แค่ส่องกระจกก็โอเคแล้ว
ถ้าอยากดูสาวสวยละก็ ข้างๆ ก็มีโฉมงามคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย แถมเธอยังเป็นนักร้องที่มีความสามารถเหนือชั้น โด่งดังไปทั่วประเทศ
เมื่อคิดได้ดังนั้น อารมณ์อยากดูทีวีของอันหลินก็ลดลงกว่าเดิม
จึงล้วงมือถือออกมาเล่นเกมลีคออฟคิง
“โลลิน้อย เข้าเกม เล่นลีคออฟคิงกัน!” สองมือของอันหลินกำมือถือด้วยท่าทางอยากเล่นเต็มทน
เถียนหลิงหลิงมองอันหลินตาขวาง “ทำไมจู่ๆ ถึงอยากเล่นเกมขึ้นมาล่ะ”
“เพราะอยากรังแกเธอน่ะสิ! มาแข่งกันหน่อย!” อันหลินตอบอย่างเถรตรง
“เหอะๆ นายคิดว่าวิธีท้าทายแบบนี้จะใช้ได้ผลกับฉันงั้นเหรอ” เถียนหลิงหลิงแสยะยิ้ม
“ทำไม ไม่กล้าเหรอ”
“ดีมาก…นายยั่วโมโหฉันสำเร็จแล้ว ตายซะเถอะเจ้าขยะ!”
เถียนหลิงหลิงถลึงตาใส่อันหลิน ล็อคอินแล้วชวนเข้าร่วมเกม
สงครามอันดุเดือดได้เริ่มขึ้นแล้ว
จากนั้นเถียนหลิงหลิงก็ถูกย่ำยีจนแพ้ยับเยิน แพ้ราบคาบ แพ้ไม่เป็นท่า แพ้จนหมดรูป…
เธองงไปหมดแล้ว
“โอ้โฮ! นายเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร!”
“ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้…”
ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้เล่นเจนประสบการณ์ ไหวพริบและการบังคับล้วนเป็นเลิศ แต่พอสู้กับอันหลิน เธอกลับถูกฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่า แพ้ตาแล้วตาเล่า
เถียนหลิงหลิงมองคะแนนที่ย่ำแย่เกินทน แทบจะสติแตกแล้ว
“เหอะๆ รังแกเธอโดยไม่ได้ปรึกษา” อันหลินยิ้มกริ่ม
เถียนหลิงหลิงไม่มีวันรู้เลยว่า สองปีมานี้เขาต่อสู้กับบุคคลประเภทไหน
ว่ากันว่าความลำบากและอับจนหนทางขัดเกลาคนได้ดีที่สุด
ทักษะสู้ตัวต่อตัวอันเลิศล้ำของเขาได้มาจากการต่อสู้กับสาวน้อยนักเวทย์
ทำอะไรไว้ ย่อมได้สิ่งนั้น อันหลินที่ถูกรังแกมาหลายต่อหลายครั้ง ก็ได้โอกาสตอบโต้แล้ว รู้สึกสบายใจไม่น้อยเลย
“นักพรตจอมปลอม เหมือนในกลุ่มจะคุยกันเรื่องเขาฉางไป๋ เกี่ยวข้องกับภารกิจครั้งนี้ของพวกนายใช่ไหม” เถียนหลิงหลิงที่ถอดใจกับการต่อสู้แล้วนั่งขัดสมาธิบนโซฟา มองวีแชทอย่างไม่สบอารมณ์
อันหลินได้ยินก็นิ่งไปเล็กน้อย เข้ากลุ่มนักพรตทันที
ในกลุ่มเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกแล้วด้วยเหตุการณ์บางอย่าง
ผู้รู้แจ้งเป่ยหาน ‘ชีพจรของเขาฉางไป๋เปลี่ยนแปลง ภูตผีก่อกวน รัศมีของคลื่นลูกหลงใหญ่มาก คงจะมีสมบัติถือกำเนิดไม่ก็โบราณสถานสักแห่งเปิดแน่ๆ’
ผู้พิทักษ์โลก ‘เรื่องนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ใครอยากรวมทีมเข้าไปสำรวจกับฉันบ้าง!’
เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘ฉันไปด้วย กระบี่ของฉันกระหายจนทนไม่ไหวแล้ว’
เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘ฉันด้วย’
ผู้รู้แจ้งหลิวหลี ‘+1’
จินอวี้จื่อ ‘+1’
พญางูขาว ‘เอ่อ รุ่นพี่ทุกคน ฉันก็อยากไปด้วย ได้หรือเปล่า’
…
อันหลินไล่อ่านข้อความ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
ปรากฏการณ์ที่กล่าวไปข้างต้นคงจะเกิดจากการเปิดของสุสานโส่วหยาง หลังประตูเปิด จำนวนคนที่เข้าไปสุสานได้มีเพียงสิบคนเท่านั้น
สำนักของพวกเขามีแปดคน โควตาของแดนมนุษย์มีสองคน ไม่ว่าคนอื่นจะพยายามอย่างไร ก็เข้าไปไม่ได้ทั้งนั้น แน่นอนว่าอันหลินพูดออกมาไม่ได้ เพราะเขาได้ทำสัญญารักษาความลับกับสรวงสวรรค์แล้วว่า จะไม่เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุสานให้กับนักพรตแดนมนุษย์ทราบ
ต่อให้เป็นเถียนหลิงหลิง ก็รู้แค่ว่าพวกเขามีภารกิจต้องไปเขาฉางไป๋ แต่ไม่รู้รายละเอียด
อันหลินลูบคาง เขาเริ่มสงสัยแล้วว่านักพรตคนไหนในแดนมนุษย์ที่ได้รับสิทธิ์กันแน่
ว่ากันว่าสองคนนี้ถูกเลือกโดยหน่วยที่ทำหน้าที่จัดการธุรการแดนมนุษย์ของสรวงสวรรค์ หลังตัดสินใจแล้ว พวกเขาจะให้นักพรตทั้งสองคนเป็นฝ่ายติดต่ออันหลินเอง เพราะอันหลินเป็นกัปตันในภารกิจครั้งนี้



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม