ต้าไป๋ถูกอันหลินซัดจนเป็นหมาตาย
ภายใต้การวิงวอนร้องขอนับครั้งไม่ถ้วนของมัน ในที่สุดความคิดที่อยากจับมันกินของอันหลินก็หายไป
ทุกคนเห็นอันหลินกระปรี้กระเปร่าปานนี้ต่างก็โล่งใจ ใบหน้าฉายความปลื้มใจ
จัดการต้าไป๋ให้อยู่ในสภาพนี้ได้ ดูท่าทางอันหลินจะแข็งแรงมีชีวิตชีวาแล้ว!
ด้วยเหตุนี้มื้อค่ำของทุกคนจึงเปลี่ยนจากกินเนื้อสุนัขเป็นเนื้อวัว แถมยังจัดปิ้งย่างกลางแจ้งบนยอดเขายามราตรีอีกด้วย ทุกคนต่างก็สนุกสนานกันอย่างยิ่ง
รุ่งเช้าวันต่อมา เป็นวันที่สมาชิกทีมจะไปรวมตัวกันที่เขาฉางไป๋
ต้าไป๋ไม่มีป้ายหยก อันหลินจึงสั่งให้มันอยู่เฝ้าประตูเขาเป่ยอู้
ก่อนออกเดินทาง อันหลินยังโทรหาหลิวเชียนฮ่วน ถังซีเหมิน หูก้วน เหยาหมิงซี เถียนหลิงหลิงและพญางูขาว เตือนให้พวกเขามารวมตัวกันที่บ่อสวรรค์
จากนั้นเขาก็ขี่ก้อนอิฐลอยขึ้น มุ่งหน้าสู่เขาฉางไป๋พร้อมกับพวกสวีเสี่ยวหลาน
ณ เทือกเขาฉางไป๋
มนุษย์ที่สวมชุดคลุมสีแดงบดบังรูปร่างหน้าตากำลังโลดแล่นในผืนป่า
จู่ๆ ก็มีมนุษย์ชุดแดงคนหนึ่งหยุดฝีเท้าโดยพลัน
“ท่านดุค เป็นอะไรไป” หญิงชุดแดงอีกคนเอ่ยถาม
“มีหมาป่า” ชายที่ชื่อดุคกางแขนหนึ่งข้าง หอกโลหิตด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ
พลังปราณฟ้าดินถูกหอกโลหิตชักนำ แมกไม้ก็พลันเปี่ยมด้วยความเย็นยะเยือกคาวเลือดขึ้นมา
ขณะเดียวกัน กลิ่นอายแห่งความอันตรายก็เริ่มคืบคลานเข้ามาหาทั้งสามที่เป็นศูนย์กลางจากทุกสารทิศ เงาดำทะมึนก่อตัวรอบกาย ทุกเงาล้วนแฝงด้วยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง
“เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดที่โสมม ไสหัวออกไปจากเทือกเขาแห่งนี้!” เสียงที่ทรงพลังดังขึ้น
หมาป่าตัวเขื่องขนาดสามจั้งตัวหนึ่งปรากฏตัวกลางฝูงหมาป่า นัยน์ตาสีทองจ้องทั้งสามที่ถูกล้อมเขม็ง ประดุจอสูรบรรพกาล เต็มไปด้วยความน่ายำเกรง
“เผ่าหมาป่าอนธการ ข้าจำได้ว่าถิ่นของพวกเจ้าคือธารน้ำแข็งไซบีเรียไม่ใช่หรือ มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้พวกข้าออกไป” ดุคเอ่ยด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“ฮ่าๆ ๆ เทือกเขาฉางไป๋เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าหมาป่าอนธการมาแต่โบราณ อย่ามาพูดพล่ามกับข้า ให้เวลาพวกเจ้าสิบวินาที จะไปหรือตาย!” จ่าฝูงแสยะยิ้ม
ดุค “…”
เขาลูบชุดคลุมสีแดงเล็กน้อย “ท่าทางจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว”
ครืน คลื่นโลหิตมหาศาลที่แฝงกลิ่นอายกัดกร่อนเสื่อมโทรมแผ่กระจายไปทั่วทุกหัวระแหงทันใด ทุกแห่งหนที่มันผ่านพืชพรรณแห้งเหี่ยว แผ่นดินรกร้าง
“หึๆ…วันนี้ข้าจะกินพวกเจ้าเป็นยาบำรุงสักหน่อย!”
จ่าฝูงยิ้มชั่วร้าย บาเรียสายลมสีดำปกคลุมทั่วร่าง กรงเล็บสีนิลแหวกคลื่นโลหิต ปะทะกับหอกโลหิตของดุค
ตูม การปะทะอย่างแรงก่อเกิดพายุหมุน ทำให้ต้นไม้ในรัศมีร้อยจั้งเอนราบไปกับผิวดิน
สุดท้ายศึกสะท้านฟ้าครั้งนี้ก็ปะทุกลางพงไพรที่ห่างไกลไร้ผู้คน
ขณะเดียวกัน นินจาและองเมียวจิจากแดนอาทิตย์อุทัย นักรบกลายพันธุ์จากพญาอินทรี เผ่านักเวทที่ปลีกวิเวกต่างก็พากันลักลอบเข้ามาในเทือกเขาฉางไป๋ แอบจับตาดูอัญมณีแห่งเทือกเขาฉางไป๋แล้วเช่นกัน
การเคลื่อนตัวของพลังปราณฟ้าดินกว้างขวางเหลือเกิน ไม่เพียงทำให้นักพรตภายในแผ่นดินอลหม่าน แม้แต่เหล่านักพรตต่างชาติก็พากันเดินทางมาสำรวจ
นักพรตของแต่ละสำนักบำเพ็ญเซียนเคลื่อนไหวกันระนาว แถบเทือกเขาฉางไป๋กลายเป็นสมรภูมิรบของเหล่าอิทธิพลใหญ่ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
ขุมทรัพย์ยังไม่ปรากฏ สงครามก็เปิดฉากแล้ว
สำหรับนักพรตภายในประเทศแล้ว ขอแค่มีอิทธิพลต่างแดนโผล่มาที่นี่ ล้วนแต่ไม่มีเจตนาดี จะแย่งชิงขุมทรัพย์กับพวกเขา จึงสู้ทันทีที่เจอ!
และอิทธิพลระหว่างแต่ละประเทศก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ปกติพวกเขามักจะยับยั้งชั่งใจ ดักซุ่ม ไม่มุทะลุเลือดร้อนเหมือนเผ่าหมาป่าอนธการ ปะทะตั้งแต่พบหน้ามีจำนวนน้อย
ในปากปล่องภูเขาไฟที่มีสิบหกยอดเขาห้อมล้อม มีทะเลสาบเขียวมรกตประดับอยู่ใจกลางขุนเขา
มันนี่แหละบ่อสวรรค์แห่งเขาฉางไป๋ที่มีชื่อกระฉ่อนทั้งในและนอกประเทศ
บัดนี้ด้วยการเคลื่อนไหวของพลังปราณฟ้าดิน บ่อสวรรค์เขาฉางไป๋ตกอยู่ในสภาวะปิดอย่างเป็นทางการ ระงับไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเป็นอันขาด
บนเวหา พลันก็มีลำแสงสี่เส้นพุ่งลงจากฟ้า ทะยานลงริมบ่อสวรรค์
พวกเขาคืออันหลิน สวีเสี่ยวหลาน ซูเฉี่ยนอวิ๋นและเซวียนหยวนเฉิงที่มุ่งหน้ามาจากเขาเป่ยอู้นั่นเอง
“โอ้โฮ ทิวทัศน์ที่นี่งดงามไม่หยอก”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นกะพริบดวงตาคู่งาม เอ่ยปากอุทาน
“อืม ทิวทัศน์ไม่เลวจริงๆ เรารอพวกเขาที่นี่แล้วกัน!” อันหลินปัดมือเล็กน้อยแล้วนำทุกคนนั่งลง
เซวียนหยวนเฉิงกวาดมองรอบข้างอย่างหวาดระแวง “มีนักพรตซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ เยอะเลย”
“ไม่เป็นไร ความผิดปกติของเขาฉางไป๋ย่อมต้องดึงดูดนักพรตคนอื่นอยู่แล้ว ขอแค่พวกเขาไม่รบกวนพวกเราเป็นพอ” อันหลินกลับทำหน้าไม่ยี่หระ
“คนเยอะเกิดปัญหาได้ง่าย ข้าวางค่ายกลป้องกันบริเวณรอบๆ หน่อยดีกว่า” เซวียนหยวนเฉิงมีนิสัยค่อนข้างระแวดระวังจึงโพล่งขึ้นมาทันที
“ข้าเอาด้วย!” พรสวรรค์ทางด้านค่ายกลของสวีเสี่ยวหลานนับว่าไม่เลว ว่างเว้นไม่มีอะไรทำ จึงช่วยวางค่ายกลกับเซวียนหยวนเฉิงด้วย
จากนั้นก็เหลือแค่อันหลินกับซูเฉี่ยนอวิ๋นที่นั่งสบายอยู่อีกมุม
ซูเฉี่ยนอวิ๋นเงียบมาก เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม