ตอนที่นินจาคนนั้นถูกอันหลินโยนกลับทะเลสาบให้ปลากิน จู่ๆ ก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังจากผืนป่าแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลๆ
สามร่างดำสนิทระทึกใจยิ่งนัก พวกเขามีคาถาพรางตัว ต่อให้นักพรตทั่วไปมองมาทางนี้ ก็ยากจะสังเกตเห็นการมีอยู่ของพวกเขา
“โคจิถูกกำจัดแล้ว! ท่านคาคาชิ พวกเราจะแก้แค้นแทนเขา!” เงาดำพูดอย่างโกรธแค้น
“ใจเย็นๆ” ชายผมสีขาวคนหนึ่งส่ายหน้า มองทางพวกอันหลินด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมแล้วกล่าวว่า “โคจิเป็นโจนินระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ เจอตัวเขา แถมยังจัดการเขาที่ก้นทะเลสาบได้ คนคนนั้นไม่ธรรมดา มิหนำซ้ำเขายังมีสหายที่ไม่รู้ความสามารถแน่ชัดอีกด้วย พวกเราอย่าได้มุทะลุ”
“ตอนนี้พวกเราจะไม่ทำอะไรเลยงั้นหรือ” เงาดำอีกคนพูดอย่างเจ็บใจ
“หนี้แค้นต้องชำระแน่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เวลา” คาคาชิเอ่ยเสียงเรียบ “บ่อสวรรค์เป็นสถานที่ซึ่งพลังปราณของเทือกเขาฉางไป๋มารวมตัวกันมากที่สุด หากพูดว่ามีสมบัติหรือโบราณสถานถือกำเนิด เช่นนั้นคงจะอยู่ที่นี่แหละ พอสมบัติหรือโบราณสถานปรากฏ ถึงตอนนั้นอิทธิพลแต่ละฝ่ายสู้รบปรบมือ ชุลมุนวุ่นวาย พวกเราถนัดการลอบสังหาร อาศัยความจลาจลสังหารนักพรตพวกนั้นเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวไม่ใช่หรือไง”
เงาดำอีกสองคนที่เหลือได้ฟังก็พยักหน้า ความรอบคอบและยิ่งใหญ่ของผู้เป็นหัวหน้า เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ภารกิจของทีมพวกเขาสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้จำต้องปล่อยให้ชายหนุ่มที่ฆ่าโคจิมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักระยะ
“มีผู้แข็งแกร่งมาอีกแล้ว” คาคาชิเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
เห็นนักพรตสองคนขี่กระบี่ทะลุฟ้ามา จากนั้นก็ทะยานลงจอดข้างกายอันหลิน
ภาพนี้ทำให้คาคาชิกับนินจาอีกสองคนที่เหลือแสดงสีหน้าขึงขังขึ้นไม่น้อย
สามารถขี่กระบี่มาได้ เท่ากับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่เหนือระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังต่อสู้ทางฝั่งอันหลินก็สูงขึ้นเยอะโข
“ไม่เป็นไร ก็แค่นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณสองคนเท่านั้น ขอแค่ไม่แข็งแกร่งเท่าฉัน พวกเขาก็ปลุกปั่นอะไรไม่ได้หรอก” คาคาชิพูดปลอบขวัญลูกทีม
ผ่านไปครู่หนึ่ง มีชายอีกคนย่ำกระบี่เหาะมาอีกแล้ว
เขาไม่ปิดบังพลังของตน กลิ่นอายอันน่าเกรงขามแผ่กระจาย พลังนั่นเหนือกว่าคาคาชิอยู่ไม่น้อย และทะยานลงจอดข้างอันหลินเช่นกัน
มุมปากของคาคาชิกระตุกเล็กน้อย แต่ยังพูดเรียกขวัญเช่นเดิมว่า “นินจาอย่างเราถนัดการลอบฆ่า เอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเป็นปกติ ฉะนั้นต่อให้ศัตรูจะแข็งแกร่งกว่าเรา เราก็จะเอาชนะศัตรูได้โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวได้!”
โจนินอีกสองคนพยักหน้าคล้อยตาม ตั้งแต่พวกเขาเข้าสู่วงการ ยังไม่เคยหวาดกลัวใครหน้าไหน!
ในตอนนั้นเอง มีลำแสงสีชมพูพุ่งทะลุชั้นเมฆมาอีกแล้ว
หญิงสาวรูปงามสะคราญคนหนึ่งลอยลงจากฟ้า หยุดลงข้างๆ อันหลิน กลิ่นอายพลังมหาศาลดุจผืนทะเล ประหนึ่งแดนเทวะ
คาคาชิหายใจเข้าดังเฮือก ตกอยู่ในความเงียบงัน
“หัวหน้า…” โจนินคนหนึ่งพูดอย่างตระหนก
“ทุกคนยังจำภารกิจที่พวกเรามาที่นี่ได้ไหม” คาคาชิกล่าว
“แย่งชิงสมบัติ ยึดครองโบราณสถาน!” โจนินอีกคนพูดเสริม
“ใช่แล้ว! แล้วคติของนินจาอย่างเราคืออะไร” คาคาชิถาม
“ภารกิจเป็นที่หนึ่ง เดิมพันด้วยชีวิตเพื่อความสำเร็จของภารกิจ!” โจนินตอบอย่างฮึกเหิม
“ดีมาก ดูท่าพวกเจ้าจะเข้าใจกันดี เป้าหมายหลักของพวกเราคือทำภารกิจให้สำเร็จ ไม่ใช่การแก้แค้น! เรื่องของโคจิพักไว้ก่อน ภารกิจสำคัญที่สุด!” คาคาชิพูดอย่างทรงพลังและเด็ดเดี่ยว
“หัวหน้าฉลาดที่สุด!”
โจนินทั้งสองพูดพร้อมเพรียงกัน
ขณะที่นินจาทั้งสามกำลังแก้ไขความคิดและภารกิจอยู่นั้น ค่ายกลทางฝั่งอันหลินก็วางเสร็จแล้ว
“ฟู่ สำเร็จเสร็จสิ้น ค่ายกลดูดวิญญาณสูงสุดบวกกับค่ายกลอัสนีเพลิงวิหค ต่อให้นักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณทะเล่อทะล่าบุกเข้ามาก็ต้องเจ็บตัวเป็นแน่!” สวีเสี่ยวหลานปัดมือ ใบหน้างดงามฉายความกระหยิ่มใจ
เซวียนหยวนเฉิงบิดขี้เกียจ “ในเมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ข้าขอนั่งพักทำสมาธิก่อน”
“ลำบากเสียแล้ว เดี๋ยวย่างปลาเสร็จจะเรียกเจ้ามาลองชิมนะ ปลาของบ่อสวรรค์รสชาติดีมากเลยนะ!” อันหลินยิ้มน้อยๆ พลางขยับตะแกรงย่างตรงหน้า

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม