วันสุดท้ายของศึกแห่งอิสรภาพ ณ จัตุรัสหยกขาว
นักเรียนสี่หมื่นกว่าคนที่บาดเจ็บแตกต่างกันออกไป ต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่
พวกเขาเป็นนักเรียนที่แพ้พ่ายระหว่างกิจกรรมพวกนั้นนั่นเอง
ค่ายกลสมานรักษาอันแสนกว้างใหญ่ปกคลุมทั่วทั้งจัตุรัส กำลังกระจายสุดยอดพลังชีวิต รักษานักเรียนที่บาดเจ็บเหล่านั้นไม่หยุดหย่อน
มีนักเรียนที่อาการสาหัสสากรรจ์ส่วนน้อย ซึ่งอาจารย์ที่มีอภิญญาด้านศาสตร์แพทย์โดยเฉพาะทำหน้าที่รักษา
เรียกได้ว่า ขอเพียงเหลือลมหายใจถูกส่งตัวเข้ามา เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะตายกลางกิจกรรม
นักเรียนอยู่กลางจัตุรัสหยกขาว หนึ่งเพื่อการรักษา สองเพื่อชมศึกตัดสินชะตาสุดท้ายของศึกแห่งอิสรภาพ
จอผลึกหินขนาดใหญ่ร่วมร้อยจั้งลอยเหนือจัตุรัส เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่มีภาพใดปรากฏอยู่
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ บรรยากาศในจัตุรัสก็ยังดุเดือดยิ่งนัก เหล่านักเรียนเริ่มวิจารณ์กันเซ็งแซ่แล้ว
“ทำไมการฉายภาพผ่านจอผลึกหินยังไม่เริ่มอีกล่ะ!”
“ใจเย็นๆ ตอนที่เหลือนักเรียนสองร้อยคนสุดท้าย จอผลึกหินฉายภาพก็จะถ่ายทอดสดสถานการณ์รบข้างใน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คงอีกราวๆ สองชั่วยาม”
“หึๆ ตอนนี้เขตแดนคงกำลังหดเล็กลงแล้ว สุดท้ายป่าพันยอดที่มีอาณาเขตร้อยลี้ จะหดเหลือเพียงสามลี้ ถึงตอนนั้นการต่อสู้ก็จะดุเดือดแล้ว…”
“พวกเจ้าว่าครั้งนี้ใครจะเป็นอันดับหนึ่งของอันดับเซียนแห่งสำนักรุ่นนี้”
“ต้องเป็นหวังเสวียนจ้านอยู่แล้ว เขาเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายตั้งแต่ปีสาม แถมยังเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นก่อน ตอนนี้ผ่านไปอีกปีแล้ว ความสามารถก็ยิ่งคาดเดาได้ยาก นอกจากเขาจะเป็นใครได้อีก”
“ข้าคิดว่าเป็นหยางเฉิงอู่ ระดับพลังยุทธ์ของเขาก็หล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายเหมือนกัน อันดับสามของรุ่นก่อน ครั้งที่แล้วก็แพ้หวังเสวียนจ้านไปอย่างหวุดหวิด ตอนนี้เขาจวนจะจบการศึกษาแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะระเบิดพลัง คว้าอันดับหนึ่งของอันดับเซียนได้สักครั้ง”
“หึ ข้ากลับคิดว่าเป็นเทพีหลิ่ว กระบวนท่าของนางแปลกพิสดาร อาจจะสร้างปาฏิหาริย์ก็เป็นได้!”
…
จัตุรัสหยกขาวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยดังอื้ออึง ส่วนในป่าพันยอด กลับเปิดฉากการต่อสู้นองเลือดที่ดุเดือดที่สุดแล้ว!
เขตแดนค่ายกลสีฟ้าเริ่มหดตัวอย่างต่อเนื่อง เหล่าลูกศิษย์ต่างก็เริ่มไปกระจุกตัวกันที่ยอดเขาราชันเซียนที่เป็นศูนย์กลาง พบเจอศัตรูอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเจอกันก็จะเกิดศึกใหญ่
กลางนภา อันหลินที่ขี่สุนัขเหินเวหาแสดงสีหน้าอ่อนแรง
ตอนนี้เขาผ่านศึกใหญ่มาหลายต่อหลายครั้ง คู่ต่อสู้ที่อ่อนแอที่สุด ล้วนอยู่ในกายแห่งมรรคขั้นสิบ คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมีแม้กระทั่งยอดฝีมือในอันดับเซียน
หากเขาไม่ใช้กลศึกคนและสุนัขร่วมมือกันละก็ คิดว่าคงถูกส่งตัวกลับบ้านไปนานแล้ว
อันหลินมองระบบ หลังเขาเข้าสู่ระดับกายแห่งมรรคขั้นเก้าแล้ว ภารกิจของแถบระดับพลังยุทธ์ก็กลายเป็นยากเย็นแสนเข็ญขึ้นมาบ้างแล้ว
‘กายแห่งมรรคขั้นสิบ บรรลุเงื่อนไข ฝึกวรยุทธ์ระบบที่ไม่เหมือนกันสามวิชา’
บัดนี้อินเตอร์เฟสวรยุทธ์ของอันหลินก็อัพเดทแล้ว มีวรยุทธ์ธาตุลมเพิ่มมาให้บำเพ็ญเพียรได้
‘จิตวิญญาณแห่งสายลมขั้นหนึ่ง บรรลุเงื่อนไข กระโดดหน้าผาสูงหมื่นจั้งหนึ่งครั้ง’
บวกกับวรยุทธ์ธาตุอัสนีที่ให้อัสนีสวรรค์ฟาดหนึ่งครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ รวมกันเป็นสามวิชาพอดี
ซึ่งหมายความว่า หากอันหลินมีสามชีวิตละก็ จะสามารถทดลองทะลวงขั้นเป็นกายแห่งมรรคขั้นสิบผ่านระบบนี้ได้!
อืม ระบบมีอีกหนึ่งวรยุทธ์ที่สามารถฝึกได้ อยู่ในอินเตอร์เฟสหน้า ‘บำเพ็ญตบะ’
‘วิชาแห่งอานุภาพ บรรลุเงื่อนไข หมื่นคนยกย่อง!’
เงื่อนไขนี้ หากมองจากสถานการณ์ของอันหลินในตอนนี้ มันยากดุจปีนขึ้นสวรรค์ชัดๆ!
หากเปลี่ยนเป็น ‘หมื่นคนเหยียดหยาม’ แทน เช่นนั้นเขายังพอมีความมั่นใจอยู่บ้าง
ไม่คิดเรื่องของระบบแล้ว เขากวาดสายตามองผืนดิน ค้นหาเหยื่อรายต่อไป
ครืน!
กระบี่เปลวอัคคีเฉือนมิติ ระเบิดบนผืนดิน พลังน่ากลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ อานุภาพแลดูน่าตะลึง
“ช่างเป็นคลื่นพลังที่สุดยอดยิ่งนัก ผู้แข็งแกร่งอันดับเซียนกำลังประมือกัน แถมอันดับไม่ต่ำด้วย เราไปดูกันเถอะ!”
อันหลินลูบหัวสุนัขของต้าไป๋อย่างตื่นเต้น เริ่มขี่สุนัขมุ่งหน้าไปทางสมรภูมิรบ
เมื่อเหาะเข้าไปใกล้ ในที่สุดก็เห็นสองฝ่ายที่กำลังประมือกัน
“สวีเสี่ยวหลาน!” เมื่ออันหลินเห็นร่างนั้น ก็เผลอตะโกนออกมา
รูปร่างที่คุ้นเคยเช่นนี้ เขามองปราดเดียวก็รู้แล้ว
สวีเสี่ยวหลานเป็นยอดฝีมือด้านการใช้กระบี่ ในการต่อสู้ เพลงกระบี่ลึกล้ำกับพลังแห่งปราณหงส์สวรรค์ผสมผสานกัน ปล่อยพลังที่น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง
เปลวไฟที่บริสุทธิ์ ลอยล่องออกมาจากกระบี่ยาว ทำให้นางเป็นดั่งหงส์สวรรค์เก้าชั้นฟ้า ทั้งงดงามสูงส่งและยิ่งใหญ่เป็นที่สุด

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม