ย่านการค้าในมหานครที่คึกคักแห่งหนึ่ง
อันหลินเดินบนถนนใหญ่ ด้านหลังมีสุนัขขนสีขาวตัวเล็กเดินตาม
“อืม ซื้อขนมแครอทสักหน่อย ส่งไปให้เจ้ากระต่ายโง่ที่ตำหนักดวงจันทร์”
“เครื่องฉายวิดีโอของสาวๆ แบบพกพาที่ต้าไป๋เรียกร้องหนักหนาก็เอาด้วยเครื่องหนึ่ง”
“ไม่สิ สองเครื่องดีกว่า เกิดเจ้าอัปลักษณ์จะเอาด้วยล่ะ ดาวน์โหลดคลิปวิดีโอของลิงมาสักสองสามร้อยคลิป”
“เสี่ยวหงจะเอาอะไร ซื้อเครื่องเสียงแล้วกัน ดาวน์โหลดเพลงให้สักสามร้อยเพลงดีไหม”
“อ้อ ต้องซื้อพวกตำราให้คนชอบเรียนรู้อย่างจงหย่งเหยียนด้วย…”
…
ตอนนี้อันหลินไม่รับหิ้วแล้ว แต่สำหรับเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทสนมนั้น เขาก็ซื้อของฝากไปให้พวกเขาเหมือนเดิม
ไม่นานเขาก็หอบหิ้วถุงพะรุงพะรัง เตรียมจะหาที่ลับตาคนเก็บใส่แหวนมิติ
ผู้คนสัญจรบนท้องถนนกันอย่างคับคั่ง ชายหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างเขา ไปถึงไหนก็เป็นพระเอก ฉะนั้นจะใช้ศาสตราวุธมิติโจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้
ไม่นานเขาก็พบกับหญิงสาวที่สวมเสื้อชีฟองสีขาวคนหนึ่งเดินสวนมา
ไม่มีทางไม่เห็น เพราะผู้หญิงคนนั้นสวยมากเหลือเกิน ออร่าของตัวเอกโดดเด่นกว่าเขาเสียอีก หากมองจากมุมมองในตอนนี้ของเขา ความสวยของหญิงคนนั้นเหนือธรรมดา
หญิงแปลกหน้าคนนี้ทำหน้าเรียบเฉย ผมยาวดำขลับปล่อยสยายลงแผ่นหลัง นัยน์ตาสีดำดุจมีมนต์เสน่ห์ ชวนให้ลุ่มหลง
เมื่อได้สัมผัสลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ อันหลินรู้ได้โดยสัญชาตญาณเลยว่าเธอเป็นผู้บำเพ็ญเซียน แต่หลังสัมผัสอย่างถี่ถ้วนแล้ว กลับไม่พบคลื่นพลังงานใดเลย
หญิงคนนั้นก็มองอันหลินเช่นกัน ทำให้อันหลินอดรู้สึกตัวลอยไม่ได้
เห็นไหม! ต่อให้เป็นสาวสวยระดับนี้ ก็ต้องยอมสยบให้กับความหล่อของเขา
ปรากฏว่าเรื่องที่ทำให้อันหลินตกใจยิ่งกว่าเดิมก็เกิดขึ้น หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายเข้ามาขวางอันหลินเอง!
“สวัสดีสุดหล่อ ไม่ทราบว่าคุณคิดยังไงกับการรักษาสันติภาพของโลก” หญิงสาวอมยิ้ม ดวงตาดำขลับค่อนข้างเย้ายวนใจ
อันหลินกลับชะงักเมื่อได้ฟัง เขาหน้าตาดีเป็นที่จับจ้องนั้นเข้าใจดี มีสาวสวยเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายเขาก็รับได้ แต่เปิดประเด็นแบบนี้นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ตอนนี้วิธีทักทายของมนุษย์โลกมีเทรนด์ใหม่แบบนี้เหรอ
อ้าปากก็ถามเลยว่าคิดเห็นอย่างไรกับการรักษาสันติภาพของโลก
ผู้หญิงคนนี้ก็คือพญางูนิลที่แบกหน้าที่สำคัญอย่างการพิทักษ์สันติภาพของโลกนั่นเอง
อันหลินไม่รู้จักนาง แต่นางกลับรู้จักอันหลินดี!
นางรู้ว่าอันหลินอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ร่วมยี่สิบปี รู้จักแดนมนุษย์เป็นอย่างดี มิหนำซ้ำยังเข้าใจวัฒนธรรมบำเพ็ญเซียนที่รุ่งเรืองของแผ่นดินบรรพกาล เรียกได้ว่าอันหลินเป็นบุคคลที่ผสานมุมมองความคิดของโลกสองใบ บางทีอาจได้แรงบันดาลใจจากคำพูดของเขาก็เป็นได้
พญางูนิลกับอันหลินเริ่มการสนทนาครั้งแรกภายใต้ความคิดแบบนี้
อันหลินสมกับเป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนเคยชิน แม้จะเจอกับวิธีการทักทายที่พิลึกพิลั่น เขาก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มตั้งใจขบคิด
“อืม มุมมองต่อการรักษาสันติภาพของโลกเป็นประเด็นที่กว้างมาก เรา…หาที่พูดคุยแลกเปลี่ยนกันดีไหม” อันหลินเสนอความเห็นอย่างยิ้มแย้ม
พญางูนิลเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ายิ้มๆ
ณ ร้านกาแฟซินซิน
การตกแต่งสไตล์โบราณประณีต เสียงเพลงผ่อนคลายน่าฟัง
มือเรียวขาวผุดผ่องของพญางูนิลยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ นัยน์ตาดำดุจน้ำหมึกนิ่งสงบจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
อันหลินเองก็รู้สึกฉงนใจกับหญิงสาวตรงหน้าเช่นกัน แม้เขาจะมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมากก็ตาม แต่ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ยอมมาคุยที่ร้านกาแฟเพราะความหล่อของเขาแน่ๆ
เขาคิดว่าหญิงคนนี้ยอมมาที่ร้านกาแฟกับเขา เป็นเพราะเขามีเอกลักษณ์
“ผมคิดว่าการรักษาสันติภาพของโลกเป็นหน้าที่ของทุกคน สิ่งที่พวกเราต้องทำคือ ต้องยึดศูนย์กลางหนึ่งอย่าง รากฐานสองประการ” อันหลินพูดอย่างจริงจัง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม