เมื่อเห็นไอที่เย็นเยียบถาโถมเข้ามา อันหลินก็ใช้ก้อนอิฐสีดำกำบังด้านหน้าอย่างไม่ลังเล
ครืน
การจู่โจมที่รุนแรงกระแทกก้อนอิฐสีดำ ความเย็นจับขั้วหัวใจแผ่คลุมทั่วร่างเขาในพริบตา
อันหลินมองคริสตัลสีน้ำเงินส่องแสงสว่างไสวตรงปลายทาง รวมถึงห้องลับที่มีหิมะปกคลุม ในใจก็พลันรู้สึกแปลก
เขาลองปาหินวิญญาณใส่คริสตัลสีน้ำเงิน ปรากฏว่าหินวิญญาณลอยไปได้เพียงห้าเมตรก็หยุดชะงัก ไม่ขยับเขยื้อนอีก แต่หินวิญญาณยังห่างจากคริสตัลร่วมร้อยเมตร
เขาหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วหยิบกระบี่ที่เป็นศาสตราวุธขั้นสูงออกจากแหวนมิติ ถ่ายพลังปราณเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็โยนออกไปหาคริสตัลสีน้ำเงินที่ลอยอยู่ด้านบนสุดแรงเกิด
ฟิ้ว กระบี่ยาวกลายเป็นลำแสงสีทอง แหวกอากาศและความเย็นเยียบ พุ่งออกไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง
80 เมตร 70 เมตร 60 เมตร 50 เมตร…
สุดท้ายกระบี่ยาวก็หยุดนิ่งกลางอากาศในระยะที่ห่างจากคริสตัล 42 เมตร ราวกับอากาศแข็งตัว นิ่งค้างอยู่กลางเวหาเช่นนั้น
ต้าไป๋อ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพนี้ พูดอย่างอึ้งๆ ว่า “พี่อัน นี่มันเรื่องอะไรกัน อากาศแช่แข็งศาสตราวุธหรือ”
อันหลินลองกระตุ้นศาสตราวุธขั้นสูงเล่มนั้น กลับพบว่าถูกพลังต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่งผนึก นิ่งไม่ไหวติง
“มิติแห่งนี้มีพลังที่สามารถแช่แข็งทุกสรรพสิ่งให้หยุดนิ่งได้ ยิ่งเข้าใกล้ผลึกหินก็จะยิ่งรุนแรง” สีหน้าของอันหลินไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อครู่เขาออกแรงขว้างกระบี่สุดชีวิตแล้ว แต่ก็ยังขาดอีกสี่สิบเมตร ก่อนหน้านี้หากบุ่มบ่ามพุ่งเข้าไป เกรงว่าเขาคงถูกแช่แข็งให้ตายอยู่ตรงนั้นแล้ว
แต่อันหลินไม่ได้รู้สึกสิ้นหวัง ประเด็นเพราะเหตุการณ์แบบนี้ เขาไม่ได้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ครั้งที่รบกับชายหัวล้านปริศนาที่สุสานโส่วหยาง เขาเคยเห็นหลิวเชียนฮ่วนใช้มันครั้งหนึ่ง!
อืม เรื่องนี้ลองถามหลิวเชียนฮ่วนดูหน่อย บางทีอาจได้อะไรก็ได้
เขาหยิบยันต์ส่งสารออกมา ในใจรู้สึกโชคดีที่ตอนนั้นศิษย์พี่หลิวตื้อขอยันต์ส่งสารของเขาเพราะเกมลีกออฟเลเจนด์ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงหาทางออกไม่เจอ
สัญญาณสื่อสารของยันต์ส่งสารดีเยี่ยม ขอเพียงไม่อยู่ในต่างมิติ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่อับหรือรกร้างมากปานใด ก็สามารถส่งสัญญาณได้อย่างชัดเจน แต่มันก็มีข้อเสียเหมือนกัน นั่นก็คือระยะการส่งสารของมันเกี่ยวข้องกับระดับพลังปราณของทั้งสองฝ่าย
อันหลินใช้แรงทั้งหมดที่มีแล้วกว่าจะมีเสียง ‘ซ่าๆ’ ดังลอดมาจากยันต์ส่งสาร
คนหนึ่งอยู่ที่สรวงสวรรค์ อีกคนอยู่ในเขตหมื่นเขานอกแดนจิ่วโจว ระยะห่างช่างห่างไกลเหลือเกิน
“ฮัลโหลอันหลิน ติดต่อข้าตอนนี้มีอะไร ไม่เรียนหรือไง” เสียงที่ไพเราะและค่อนข้างอ่อนโยนดังขึ้น คล้ายว่ากำลังกดเสียงของตัวเอง
ชัดเจนว่าหลิวเชียนฮ่วนกำลังเรียนอยู่
อันหลินยังไม่ทันพูด ก็ได้ยินเสียงตกใจของหลิวเชียนฮ่วน “ไม่สิ…คุณพระ! ทำไมพลังปราณลดเร็วปานนี้ เจ้าอยู่ในอวกาศหรือ!”
“…ข้าตกที่นั่งลำบากในโบราณสถานแห่งหนึ่ง เวลากระชั้นชิด ขอความช่วยเหลือทางไกล”
อันหลินรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพล่าม จึงพูดต่อว่า “ข้าเจอบททดสอบเหมันต์ ในห้องที่เย็นเยือก ไม่ว่าวัตถุชนิดใดลอยไปหาผลึกหินสีน้ำเงิน จะถูกจองจำกลางอากาศ ยิ่งเข้าใกล้ผลึกหินสีน้ำเงิน พลังพันธนาการก็จะยิ่งรุนแรง และหากข้าอยากผ่านการทดสอบ จำต้องถ่ายพลังปราณใส่ผลึกหิน ข้าจำได้ว่าท่านมีความสามารถที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์นี้ ขอวิธีแก้ปัญหาหน่อย!”
“โอ้ ได้สิอันหลิน ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเจอกับความเย็นจองจำ”
หลิวเชียนฮ่วนดูสนอกสนใจขึ้นมา นางพูดทันทีว่า “จากที่เจ้าว่ามา ผลึกหินสีน้ำเงินนั่นเป็นแหล่งที่มาของความเย็น หากจะคลี่คลายก็ง่ายมาก พลัง อุณหภูมิและความเร็ว”
“เขตอาคมแบบนี้หากต้องแช่งแข็งวัตถุบางอย่าง จำต้องใช้เวลา หากใช้อุณหภูมิที่สูงลิ่วคลุมกาย สามารถลดความเร็วของการแช่แข็งได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน พลังที่ยิ่งใหญ่สามารถทลายความเย็นเยือกได้โดยตรง ข้าพูดเช่นนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง”
อันหลินพยักหน้า “พอเข้าใจแล้วๆ ก็แค่สามรวมหนึ่งใช่ไหม มีคำถามข้อสุดท้าย เกิดพลาดท่าถูกแช่แข็งจะทำอย่างไร”
หลิวเชียนฮ่วนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบอย่างจริงจังว่า “อืม มันเป็นปัญหาเหมือนกัน เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียไหม บอกข้าไว้ก่อนได้ อีกอย่าง บัญชีวีแชทกับคิวคิวในแดนมนุษย์ยกให้ข้าแล้วกัน ข้าจะทำให้พวกมันยิ่งใหญ่เกรียงไกร”
อันหลิน “…”
เอาละ ดูท่าทางหากว่าถูกแช่แข็งคงหมดหนทางรอด นี่มันเป็นการเดิมพันชัดๆ
แม้เขาจะรู้วิธีรับมือแล้ว แต่ใครเล่าจะรับประกันได้ว่า ทำแบบนี้จะได้สัมผัสผลึกหินล่ะ
เพราะยันต์ส่งสารผลาญพลังปราณมากไป หลังเขาคุยกับหลิวเชียนฮ่วนอีกไม่กี่ประโยคก็วางสาย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม