ยอดเขาเมฆา หลินจวิ้นจวิ้นกำลังวาดมังกรร้ายที่สมจริงราวมีชีวิตบนม้วนภาพ
มังกรร้ายหมอบตัวกลางเทือกเขา ภายใต้กรงเล็บสีดำกำยำและน่าสะพรึงกลัว เป็นชายหนุ่มที่ใบหน้าฟกช้ำดำเขียว
หญิงสาวแย้มสรวล มืองามถือพู่กัน ระบายพู่กันวาดท่าทางของชายหนุ่มที่ถูกซัดจนร้องไห้
นางเบิกบานใจมาก ราวกับกำลังทำเรื่องที่สนุกเป็นอย่างยิ่ง
“ใครใช้ให้เจ้ารังแกข้า ตอนนี้รู้ผลแล้วสินะ!”
หลินจวิ้นจวิ้นถลึงตาใส่ชายในภาพวาด พร้อมกับพูดอย่างดุดัน
ไม่นานนางก็นึกถึงเรื่องของโบราณสถานจื่อซิง
“เขาน่าจะเข้าไปในนั้นกว่าเจ็ดวันแล้วกระมัง จนตอนนี้ยังไม่ออกมา ทำไมนานปานนี้ล่ะ หรือจะเจอเหตุไม่คาดฝันอะไรเข้า” หญิงสาวครุ่นคิดอย่างกังวล
ครู่หนึ่งนางก็ทำเสียงฮึดฮัด พูดเย้ยหยันว่า
“ตายอยู่ในนั้นแหละดี จะได้ไม่ต้องมายั่วโมโหเรา!”
…
ทะเลสาบเมฆขาว เจียงอันหลานกำลังนอนแผ่บนพื้นหญ้าเขียวขจี จ้องมองเมฆขาวฟ้าครามอย่างสบายอารมณ์
“สหายอันหลินไปตั้งเจ็ดวันแล้ว สร้างสถิติบุกโบราณสถานยาวนานที่สุด แน่นอนว่า ไม่นับรวมผู้ทดสอบที่ไปแล้วจนป่านนี้ยังไม่หวนกลับ”
“อืม ไม่รู้ว่าครั้งนี้อันหลินจะได้ข้อมูลมามายมายแค่ไหน”
“หึหึ ใต้เท้าเทียนอวี่ยังกล้ารับข้อมูลที่เขานำมาอีกไหมนะ…”
เมื่อคิดถึงท่าทางที่ร้องไห้เพราะโมโหของใต้เท้าเทียนอวี่ เจียงอันหลินก็รู้สึกสะใจเล็กๆ เริ่มคาดหวังกับเรื่องที่จะเกิดหลังจากนี้มากขึ้น
ทะเลสาบเมฆขาวที่มีไอหมอกปกคลุม เริ่มเกิดคลื่นใหญ่เป็นระลอกๆ
ฟองอากาศผุดขึ้นจากก้นทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง ผิวดินก็เริ่มสั่นสะเทือน
“เกิดอะไรขึ้น”
เจียงอันหลานสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงลุกขึ้นยืน ขมวดคิ้วมองผิวทะเลสาบที่กระเพื่อมอย่างรุนแรง
จากนั้นผิวน้ำก็มีละอองใหญ่เม็ดมหึมาปะทุขึ้น มีสองร่างกระโดดออกมาจากผิวทะเลสาบ
คลื่นยักษ์เกลือกกลิ้ง พสุธาสั่นไหว
วัตถุเหมือนกระแสสีขาวหลั่งไหลขึ้นจากก้นทะเลสาบไปรวมตัวกันที่ร่างสีขาวกลางนภา จากนั้นหดเล็กลง เหมือนเขาพระสุเมรุกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ผัก
ตูม
ราวกับอะไรบางอย่างต้านทานไม่ไหว และเหมือนกับของบางสิ่งถูกสูบพลังไปจนหมดเกลี้ยงก็ไม่ปาน
แผ่นดินทรุดตัวทันใด สิ่งที่ยุบลงไปด้วยคือทะเลสาบเมฆขาวที่มีม่านหมอกปกคลุมนั่นด้วย
ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น คลื่นคลั่งคำรามในพริบตา!
เจียงอันหลานอ้าปากค้าง มองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้ง
มันเงยหน้าขึ้น มองเห็นร่างซึ่งขี่สุนัขที่คุ้นเคย และร่างที่แปลกหน้า
มันเป็นหญิงชุดขาวที่รูปโฉมงดงามเพริศพริ้ง มือถือประคำสีดำ วัตถุที่หลั่งไหลขึ้นมาก่อนหน้านี้ เข้าไปในประคำสีดำพิลึกเม็ดนั้นนั่นเอง
“สถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดแห่งจื่อซิงถูกเก็บเข้าศูนย์กลางสำเร็จแล้ว”
ไป๋หลิงกำประคำสีนิลด้วยสีหน้าที่เจือความเศร้าใจ
ใบหน้าของอันหลินก็เปื้อนรอยยิ้มเช่นกัน แสดงความยินดีจากใจจริงว่า “ยินดีด้วยนะพี่ไป๋ แบบนี้เจ้าก็สามารถเลือกเป้าหมายสืบทอดได้ด้วยตัวเอง มีอิสระมากขึ้นแล้ว”
ไป๋หลิงยิ้มบางๆ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่มีเขามังกรก็รีบรุดเหาะมา
เจ้าอัปลักษณ์กลายร่างเป็นวานรจิ๋ว หมอบอยู่บนหัวไหล่ของอันหลิน
“สหายอันหลิน นี่…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
เจียงอันหลานไม่รู้ว่าควรจะเริ่มถามจากตรงไหน มองสองคนตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง
“ฮ่าๆ ๆ สหายเจียง อย่าตื่นตระหนกไป” อันหลินเห็นผู้มาเยือนก็เอ่ยต่ออย่างเริงร่าว่า “มา ข้าจะแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันหน่อย เซียนหญิงท่านนี้เป็นร่างจำแลงศูนย์กลางของสถาบันวิจัยหมายเลขแปดสิบแปดแห่งจื่อซิง นามว่าไป๋หลิง! ท่านนี้คือเจียงอันหลาน ผู้พิทักษ์ทะเลสาบเมฆขาว”
ไป๋หลิงยิ้มอ่อนโยน พยักหน้าเบาๆ พลางกล่าวว่า “สวัสดี”
เจียงอันหลานได้ยินคำแนะนำของอันหลิน ก็เบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมา “เจ้า…เจ้าเป็นร่างจำแลงศูนย์กลางของสถาบันวิจัยจื่อซิงงั้นหรือ!”
“ใช่แล้ว” ไป๋หลิงตอบอย่างเถรตรงประหนึ่งพี่สาวผู้อบอุ่น



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม