ขณะที่อันหลินกำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกมหัศจรรย์ที่มาจากขนมไหว้พระจันทร์อยู่นั้น ทะเลปราณเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
อันหลินจำต้องเบี่ยงเบนความสนใจของตนไปที่ทะเลปราณ ปรากฏว่าไม่ดูไม่รู้ เมื่อดูก็สะดุ้งโหยง
เห็นทารกสีทองอ้าปากกว้าง กลืนพลังแห่งแสงจันทร์ที่ซึมเข้าทะเลปราณลงท้องไปจนหมดสิ้น
“เอิ้ก…” ทารกสีทองเรอ นอนแช่ทะเลปราณอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
อันหลินตาลุกวาว หรือเจ้าเด็กคนนี้จะเพิ่มน้ำหนักด้วยแสงจันทร์ได้!
เขาหยิบขนมไหว้พระจันทร์ออกมาอีกชิ้น ตัดแบ่งครึ่ง ส่งขนมไหว้พระจันทร์ครึ่งชิ้นเข้าปาก
ความรู้สึกสุขสมอิ่มเอิบอาบไปทั่วกายในพริบตา ทำให้อันหลินทรุดตัวล้มลงกับเตียง
พลังแห่งแสงจันทร์ที่บริสุทธิ์อัดแน่นทุกองคาพยพของร่างกาย แสงจันทร์ที่ไหลเข้าสู่ทะเลปราณ จะก่อตัวเป็นแสงทองบางๆ เหนือทะเลปราณ
ทารกสีทองตื่นเต้นขึ้นมา กระโดดตัวขึ้นกลืนกินแสงจันทร์กลางอากาศไม่หยุด
ในที่สุดชั่วขณะหนึ่ง พื้นที่ทะเลปราณก็สั่นสะเทือนดังครืน รอยตราจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของทารกสีทอง ขณะเดียวกันตัวเลขก็โผล่มาตรงหน้าอก จาก 1.31 กระโดดเป็น 1.49 และมีอักษรบรรพกาลสามตัวระบุว่า ‘จันทร์เต็มดวงแล้ว’
ครู่เดียวอักษรกับตัวเลขก็เริ่มจางหาย
ท้องของทารกสีทองนูนออกมา เริ่มนอนแผ่ในทะเลปราณแล้วนอนหลับอุตุ
ในทะเลปราณยังมีแสงจันทร์รวมตัวอยู่ไม่น้อย ท่าทางทารกสีทองจะกินอิ่มแล้ว
อันหลินกระจ่างใจ เขาต้องเพิ่มน้ำหนักทารกสีทองให้ถึงหนึ่งกิโลกรัม ต้องให้ตัวเลขกลายเป็น 2 ส่วนจะขุนอันฉีหลินให้อ้วนนั้นต้องผ่านการกินอาหารของตัวเอง ทำให้พลังงานเข้าสู่ทะเลปราณ เป็นหนึ่งในวิธีขุนอันฉีหลิน
รอยตราจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากทารกทอง หมายความว่าเขาไม่ต้องการพลังแห่งแสงจันทร์แล้ว ได้เวลาขบคิดแล้วว่าเขาต้องการพลังงานอย่างอื่นอีกหรือไม่…
อันหลินเบนสายตามองขนมไหว้พระจันทร์อีกครึ่งที่เหลือ พบว่าสัตว์เลี้ยงทั้งสี่จ้องขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นนั้นอย่างหิวกระหาย ต้าไป๋ถึงขั้นว่าจวนควบคุมขากำยำของมันไม่ไหว ปากยื่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เขายิ้มเล็กน้อย จึงแบ่งขนมไหว้พระจันทร์ครึ่งชิ้นให้เหล่าสัตว์เลี้ยง
สัตว์เลี้ยงโห่ร้อง ‘พี่อันอายุยืนหมื่นปี’ กินขนมไหว้พระจันทร์ที่เหลือด้วยความเริงร่า
ด้วยเหตุนี้ ขนมไหว้พระจันทร์ที่ฉางเอ๋อมอบให้ จึงถูกพวกอันหลินกินไปถึงสองชิ้นภายในคืนเดียว
อารมณ์ของอันหลินก็ดีมากทีเดียว เพราะให้คนกันเองกิน ไม่มีอะไรต้องเสียดาย อีกอย่างก็รู้วิธีขุนทารกสีทองแล้ว นี่ต่างหากประโยชน์ที่ได้อย่างใหญ่หลวง!
เขาลูบแหวนมิติ ตอนนี้ขนมไหว้พระจันทร์หกชิ้นเหลืออีกสี่ชิ้น ของที่ดีขนาดนี้ แบ่งเพื่อนๆ กินสักหน่อยดีกว่า
สีท้องฟ้าเข้มขึ้นทุกขณะ ดวงดาราสุกสกาวพร่างพราย
ที่พักของนักเรียนยังคงมีไฟส่องสว่าง
ทุกคนล้วนมีนิสัยนอนดึกกัน คนมากมายกำลังศึกษาวรยุทธ์ บ้างก็นั่งทำสมาธิ บ้างก็นั่งปรับลมหายใจ แน่นอนว่ามีคนที่บำเพ็ญเซียนตลอดคืนอีกด้วย
อันหลินเปลี่ยนเป็นชุดขาว แลดูงามสง่าอย่างยิ่ง แม้หน้าตาจะสู้พี่เฉิงไม่ได้ แต่มาดของเซียนกระบี่กลับไร้ข้อกังขา เหนือกว่าคนที่เดินบนเส้นทางนี้ไกลขึ้นเรื่อยๆ อย่างพี่เฉิงเยอะโขแล้ว
เขาส่องกระจกอย่างพออกพอใจ จากนั้นถามว่า “ต้าไป๋ เจ้าคิดว่าข้ามาดดีกว่า หรือพี่เฉิงมาดดีกว่า”
เขาไม่สู้เรื่องหน้าตาหรอก จึงเริ่มจากมาด
“แน่นอนว่ามาดของพี่อันดีกว่า!” ต้าไป๋ตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ใช่ นายท่านมีมาดที่สุด!” เสี่ยวหงพูดสมทบเสียงหวาน
อันหลินได้ฟังก็ลิงโลดใจ ซักไซ้ต่อว่า “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าดูดีกว่า”
“เพราะวันนี้เจ้าให้พวกเรากินขนมไหว้พระจันทร์น่ะสิ!” ต้าไป๋ตอบอย่างไม่ลังเล
“ใช่แล้ว! รัศมีของนายท่านจะยืนยาวถึงพรุ่งนี้!” เสี่ยวหงพูดอย่างจริงจัง
อันหลินแน่นหน้าอก แทบจะกระอักเลือด
กระต่ายจันทราเห็นภาพนี้ก็หัวเราะร่า แทบถือแครอทไม่อยู่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม