ชั่วขณะที่มิติเปลี่ยนแปลง อันหลินก็พบว่าตัวเองมาถึงดินแดนสีชาดแห่งหนึ่ง
ประตูสีขาวด้านหลังเขาหดตัวช้าๆ สุดท้ายก็หายลับไป
บนนภาเป็นชั้นเมฆสีแดงก่ำที่ทอดยาวไร้ที่สิ้นสุด มีเปลวไฟร้อนระอุพวยพุ่งทะลุชั้นเมฆเรื่อยๆ บ้างก็ระเบิดกลางอากาศ บ้างก็ตกกระทบพสุธาประหนึ่งม่านฝนสีโลหะ เผยคมเขี้ยวของมันแด่โลก
อุณหภูมิรอบข้างสูงอย่างมหันต์ คลื่นร้อนไม่ขาดสาย ไอก็บิดเบี้ยวอย่างไร้สุ้มเสียง หากนักพรตกายแห่งมรรคขั้นเจ็ดโผล่มาที่นี่ เกรงว่าคงยืนหยัดไม่ได้สักวินาทีเดียว
“ท่าทางจี้หย่งฟาง ซ่างกวนอี้กับหยางหยวนจะแยกย้ายกันไปตามหามายาเพลิงวิหคชาดกันแล้ว” ม่อไห่ยืนเอ่ยยิ้มๆ ข้างกายอันหลิน
“มายาเพลิงวิหคชาดจะก่อตัวและปรากฏอีกครั้งทุกๆ หลายปี ปริมาณน้อยนิด พวกเราหกคนเป็นคู่แข่งกัน พวกเขาย่อมต้องรีบฉกฉวยโอกาสเป็นธรรมดา” หลู่เจียจื้อพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน
อันหลินมองเทือกเขาและแผ่นดินที่กว้างไกลสุดลูกลูกตาอันไกลโพ้น ตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่รู้ตัว “ได้ยินว่าในกายของอสูรยิ่งใหญ่ของคุกวิหคชาดจะมีมายาเพลิงวิหคชาดแฝงอยู่พอสมควร จะมีให้เห็นในแดนพิศวงเช่นกัน สุดท้ายก็คือมายาเพลิงวิหคชาดบนชั้นเมฆนั่น”
“เพียงแต่มายาเพลิงในชั้นเมฆจะเลื่อนลอยไม่นิ่ง แถมยังมีพลังเพลิงที่น่ากลัวจู่โจมไม่หยุด ยากที่สุด ไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดจะเลือกเส้นทางไหน”
ม่อไห่มองท้องฟ้าแวบหนึ่ง พูดอย่างจนปัญญาว่า “ข้าไม่ใช่ศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลานที่ดึงดูดตัวร้ายสักหน่อย ลูกไฟในชั้นเมฆน่ะช่างมันดีกว่า ข้าคิดว่าต่อกรกับอสูรสักตัว! วิธีแบบนี้ง่ายและป่าเถื่อนที่สุด!”
“ข้าไปหาแดนพิศวงทางตะวันตกแล้วกัน เพราะพลังต่อสู้ของข้าไม่สูง แต่พลังป้องกันตัวไม่เลวเลย” หลู่เจียจื้อพูด
ทางตะวันตกของคุกวิหคชาดมีแดนพิศวงที่ไม่มั่นคงนานาชนิด ส่วนทางเหนือกลับเต็มไปด้วยอสูรบรรพกาลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายแหล่ ทิศตะวันออกเป็นทะเลเพลิงสีชาดที่กว้างใหญ่ไพศาล ทิศใต้ได้ยินว่ามีขุมทรัพย์ล้ำค่าเป็นล้นพ้นอยู่ แต่มันเป็นแดนอันตรายที่มีอัตราการตายสูงกว่าร้อยละเก้าสิบ ลูกศิษย์ทั่วไปจะไม่เลือกไปที่นั่น
“เช่นนั้นข้าก็จะไปหาอสูรด้วยดีกว่า ข้อดีอื่นข้าไม่มี มีแต่สู้เก่งนี่แหละ” หลังอันหลินใคร่ครวญครู่หนึ่ง ถึงได้พูดขึ้นมา
“ฮ่าๆ ๆ…เช่นนี้ก็ดี ข้ารู้อยู่แล้วว่า สหายอันหลินชอบอยู่กับอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างข้ามากกว่า” ม่อไห่ตบไหล่อันหลินแล้วหัวเราะร่าพูดว่า “ในเมื่อข้ารับปากผู้อาวุโสจูแล้ว ก็ต้องดูแลเจ้าให้ดีแน่นอน เราเคลื่อนไหวพร้อมกันดีกว่า มายาเพลิงวิหคชาดอันแรกให้เจ้า!”
อันหลินมองม่อไห่ด้วยความซาบซึ้ง พูดจริงจังว่า “งั้นดี พวกเราปฏิบัติการพร้อมกัน พยายามคว้ามายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูงมาให้ได้!”
“มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว ในฐานะที่หนึ่งของรุ่นหนุ่มสาว หากไม่ได้มายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูง จะไม่กลับ!” คำตอบของม่อไห่ก็หนักแน่นมากเช่นกัน
มายาเพลิงวิหคชาดแบ่งออกเป็นชั้นต่ำ ชั้นกลางและชั้นสูงสามระดับ ยิ่งได้มายาเพลิงวิหคชาดที่ระดับสูงมากปานใด เช่นนั้นพลังงานที่ได้ยามรับพลังเพลิงวิหคชาดก็จะยิ่งบริสุทธิ์และมหาศาลมากเท่านั้น
“งั้นข้าขอตัวก่อนนะ ขอให้ทุกท่านปลอดภัย!”
หลู่เจียจื้อเห็นทั้งสองที่ฮึกเหิมก็ยิ้มน้อยๆ เริ่มขี่กระบี่เหินสู่ทางตะวันตก
ม่อไห่มองอันหลิน “งั้นพวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะ”
“ได้เลย!” อันหลินพยักหน้า จากนั้นก็ขี่ก้อนอิฐลอยขึ้น
ม่อไห่ใช้ดาบโบราณสีแดงเล่มหนึ่ง พุ่งขึ้นฟ้าตามหลังอันหลิน
ทั้งสองกลายเป็นลำแสงสองเส้น มุ่งหน้าสู่ทางเหนือของคุกวิหคชาด
อันหลินทอดมองพสุธาที่ไกลโพ้น ค้นหาร่องรอยของอสูรที่อาจโผล่มาให้เห็น
อสูรที่ปรากฏกายที่นี่ไม่มีการแบ่งระดับความสามารถที่ชัดเจน สิ่งเดียวที่วิเคราะห์ความสามารถของพวกมันได้พอสังเขปก็คือ วิเคราะห์จากระดับความบริสุทธิ์ของพลังเพลิงที่พวกมันปล่อยออกมา
อสูรพวกนี้ล้วนเป็นอสูรธาตุไฟ อสูรเพลิงสามัญ อสูรเพลิงวิญญาณ อสูรเพลิงพสุธา อสูรเพลิงสวรรค์
อสูรเพลิงสามัญเป็นอสูรที่ธรรมดาที่สุด ภายในไม่มีมายาเพลิงวิหคชาด อสูรเพลิงวิญญาณมีมายาเพลิงวิหคชาดชั้นต่ำในอัตราที่แน่นอน อสูรเพลิงพสุธามีมายาเพลิงวิหคชาดชั้นกลางในอัตราที่แน่นอน อสูรเพลิงสวรรค์มีมายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูงในอัตราที่แน่นอน
เป้าหมายของม่อไห่ก็คืออสูรเพลิงสวรรค์ แม้ความสามารถของเขาอยู่แค่ระดับแปลงจิต แต่พกอาวุธลับของสำนักมาแล้ว ต้องได้อสูรเพลิงสวรรค์มาให้ได้
อันหลินกลับต้องการรวบรวมเพลิงพลังให้มากกว่า เพื่อให้อันฉีหลินอิ่มในคราวเดียว จึงอยากลองช่วงชิงมายาเพลิงวิหคชาดชั้นสูงด้วยเช่นกัน
ครืน
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ธรณินก็สั่นสะเทือน คล้ายว่ามีคลื่นเพลิงถาโถมมาไกลๆ
อันหลินมองแผ่นดินที่ไกลโพ้น เปลวไฟสีเหลืองลุกลามมาอย่างทรงพลัง
“นี่เป็นหนูเพลิง กินเพลิงพิภพเป็นอาหาร เป็นอสูรเพลิงสามัญ พวกเราไม่ต้องไปสนใจมัน”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม