ทั้งสามมาถึงหน้าแท่นบูชา เมื่อมองบุรุษที่ถูกเถาวัลย์พันตัว มีไม้สีดำทะลวงหน้าอกและแขนขาทั้งสี่ ต่างก็ปวดใจยิ่งแล้ว สภาพอนาถมากเหลือเกิน
อันหลินถูกต๋าอีกับต๋าเอ้อร์หามอยู่มองมนุษย์หมาป่าที่อยู่ข้างกาย เอ่ยปากถามว่า “หมาป่าน้อย ของพวกนี้ควรจัดการอย่างไร”
มนุษย์หมาป่าพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เถาวัลย์สีดำชื่อว่าเถาวัลย์ผนึกมาร แค่ใช้เพลิงรุนแรงเผาก็จะหดตัวเอง แต่กระบองสีดำข้าไม่รู้ที่มา เป็นสิ่งที่ท่านเทพเตรียมเพื่อการสังเวยโดยเฉพาะ”
อันหลินถ่ายทอดคำพูดของมนุษย์หมาป่าให้ม่อไห่กับซ่างกวนอี้
ม่อไห่ฟังจบก็รีบปล่อยลูกไฟสีแดงออกมา พุ่งไปแผดเผาเถาวัลย์เส้นหนาทันที
เป็นอย่างที่คิด เถาวัลย์หดตัวอย่างรวดเร็วเมื่อถูกเปลวเพลิงแผดเผา สุดท้ายกลายเป็นเถาวัลย์ทรงกลมที่ยาวหนึ่งจั้ง
หยางหยวนสูญเสียสิ่งยึดเหนี่ยวจึงตกลงมา ถูกม่อไห่รับตัวเอาไว้
เมื่อเห็นหยางหยวนถูกทรมานจนลมหายใจแทบจะขาดสะบั้น ม่อไห่จึงปล่อยลูกไฟสีแดงใส่เส้นเถาวัลย์ด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง
เพลิงสีแดงพุ่งหวีดหวิวไป เส้นเถาวัลย์กลับร่นถอยฉับพลันราวกับมีชีวิต
ซ่างกวนอี้คว้าอากาศด้วยมือเดียว ความเย็นอันทรงพลังก่อตัว ทำให้เส้นเถาวัลย์แข็งตัวเป็นน้ำแข็งทรงกลมในพริบตา
“เจ้านี่ค่อนข้างแปลกพิลึก เรานำกลับไปให้เหล่าผู้อาวุโสศึกษาที่สำนักสักหน่อย” ซ่างกวนอี้กล่าว
ม่อไห่ไม่พูดไม่จา มองกระบองสีดำที่เสียบทะลุร่างของหยางหยวน
เขาสัมผัสได้ว่า กระบองนั่นกำลังดูดกลืนพลังชีวิตของหยางหยวนไม่หยุด และมีสรรพคุณผนึกมิติด้วย
ซ่างกวนอี้เข้ามาหาหยางหยวนแล้วใช้มือกำกระบอง ปรากฏว่าร่างกายถูกพลังมวลมหาศาลกำราบ ชักออกมาไม่ได้เลย
นางขมวดคิ้วมุ่น จ้องกระบองเหล็กสีดำด้วยแววตาที่เย็นเยือก “เป็นเพราะของสิ่งนี้ หยางหยวนถึงใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ย้อนกลับสำนักไม่ได้…”
หยางหยวนลืมตาขึ้นมองสามคนที่อยู่ตรงหน้า ฝืนยิ้มออกมา “ขอบคุณพวกเจ้าที่เสี่ยงชีวิตช่วยข้าไว้ แต่เสียดายที่ข้าตอบแทนพวกเจ้าไม่ได้แล้ว…จันทราสีเลือดปรากฏ ที่นี่อันตรายยิ่งนัก พวกเจ้ารีบไปเถอะ…”
“ศิษย์พี่หยางหยวน ท่านพูดอะไรน่ะ จะไปต้องไปด้วยกัน!” ม่อไห่กัดฟันพูด
หยางหยวนส่ายหน้าเบาๆ “ข้าถ่วงพวกเจ้าไม่ได้อีกแล้ว เมื่อจันทราสีเลือดหายไป จะเป็นเวลาที่หมื่นอนารยชนจะปรากฏกาย…เวลากระชั้นชิด ขืนพวกเจ้ายังไม่ไปจากขุมวิหคชาดอีก ข้าจะตัดเส้นชีพจรด้วยตัวเองให้พวกเจ้าดูเดี๋ยวนี้แหละ!”
กล้ามเนื้อแขนของม่อไห่ปูดขึ้น ออกแรงดึงกระบองสีดำ นัยน์ตาแดงก่ำ “ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงจุดนี้ ข้าไม่ยอมทิ้งท่านแน่”
หยางหยวนยิ้ม “ถ้าออกไปแล้ว ฝากบอกศิษย์พี่เถาจือแทนข้าทีว่าขอโทษ…”
เขาหลับตาลงช้าๆ คล้ายว่าตัดสินใจจะใช้วิธีการสุดท้ายแล้ว
“เลิกเร้าอารมณ์ได้แล้ว เซียนกระบี่อันหลินคนนี้ยังไม่ได้ลงมือเลย ไยเจ้าคิดจะถอดใจแล้วล่ะ” อันหลินวางมือลงบนกระบองสีดำ วาดแผนผังค่ายกลที่สลับซับซ้อนลงไป
เส้นทางสีขาวก่อตัวกลางอากาศ อันหลินกระตุ้นพลังปราณที่แห้งขอดนานแล้วของตนสุดกำลัง
เขาพยายามควบคุมผลข้างเคียงของพลังปราณอนธการ ฝืนบังคับพลังปราณให้เคลื่อนไหวไปตามเส้นชีพจรของร่างกาย มือข้างนั้นสั่นเทาไม่หยุด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ถึงขั้นว่ามีเลือดไหลออกจากมุมปาก
“อันหลิน เจ้า…” ม่อไห่มองอันหลินอย่างตกตะลึง
ซ่างกวนอี้เองก็ใจสะท้านเช่นกัน มองอันหลินอึ้งๆ
หยางหยวนลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียง เห็นชายหนุ่มที่มีเลือดไหลออกจากมุมปาก มือวาดแผนผังค่ายกลอย่างสั่นระริกกำลังยิ้มให้ตน
ค่ายกลส่องแสงโชติช่วง แทรกซึมไปในกระบองสีดำตรงอกของหยางหยวน
อันหลินกำกระบองด้วยมือข้างเดียวแล้วออกแรงดึง!
พรวด
เลือดสาดกระจาย กระบองที่เปื้อนเลือดถูกอันหลินกระชากออกมา
ม่อไห่กับซ่างกวนอี้ชะงักงันอีกครั้ง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม