อันหลินมองแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ หดตัวหายไป หยัดกายลุกขึ้นช้าๆ แล้วบิดขี้เกียจ
จัตุรัสค่อนข้างเงียบงัน ผู้คนแทบจะลืมหายใจและปรบมือ เพียงแค่เหม่อมองอันหลินอยู่แบบนั้น ดุจกังวลว่าอันหลิน ยังมีอะไรทำให้พวกเขาตกใจอีก
อันหลินแย้มยิ้ม คำนับลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิตกับผู้อาวุโสทั้งหลายในจัตุรัสอย่างตั้งใจ ถึงลงจากแท่นพิธีด้วยคว วามรู้สึกที่ยังไม่ค่อยหนำใจ
จบแล้วเหรอ
บรรดาลูกศิษย์ถึงได้สติ บรรยากาศในจัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ฮือฮาในพริบตา ลูกศิษย์หลายหมื่นปรบมือแสดงความยินดี บา างคนถึงขั้นตะโกนเรียกชื่ออันหลินดังลั่น
ถึงอย่างไรอันหลินก็เป็นลูกศิษย์สำนักวิหคชาด เป็นคนกันเอง แม้พวกเขาจะอิจฉาริษยาอยู่บ้าง แต่ในเวลาแบบนี้ก็ยั งแสดงความยินดีและความตกใจของตนอย่างไม่ตระหนี่อยู่ดี
อันหลินไปหาพวกม่อไห่ รำพันอย่างพึงพอใจว่า “ประโยชน์ในครั้งนี้นับว่าไม่เลว”
หลู่เจียจื้อหน้ากระตุกยิกๆ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ขอร้องล่ะ…อย่างเจ้าเรียกว่าประโยชน์เหนือธรรมชาติแล้ว! ห หากเรียกว่าไม่เลว งั้นข้าก็กลายเป็นยากจนข้นแค้นไปแล้วสิ”
ม่อไห่มองอันหลินด้วยความนับถือพลางเอ่ยว่า “ตอนแรกเจ้าบอกว่าจะบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่าภายในสิบปี ข้านึ กว่าเจ้าแค่เก๊กตามปกติ แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว เจ้าเป็นพี่ชายของข้าแท้ๆ เลย สุดยอด! วันใดได้ดีแล้ว อย่าลืมข ข้าละ!”
อันหลินยิ้มร่า “ไม่ต้องห่วง ต่อไปพี่จะดูแลเจ้าเอง!”
ในตอนนั้นเอง เสียงของผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คนที่สี่ จี้หย่งฟาง เชิญขึ้นแท่นพิธี!”
ครั้นจี้หย่งฟางได้ยิน หัวใจก็สั่นสะท้าน ตื่นจากภวังค์ของความล้มเหลวเมื่อก่อนหน้านี้
เขามองอันหลินแวบหนึ่ง ความเจ็บใจอย่างรุนแรงบังเกิดขึ้น แต่ไม่มีความคิดอยากต่อต้านใดอีก
เขาเดินไปยังแท่นพิธี เดิมทีควรเป็นช่วงเวลาที่ทุกสายตาจับจ้อง แต่ลูกศิษย์รอบข้างยังคงวิจารณ์เรื่องอันหลินอ อยู่ จดจ้องอันหลินที่อยู่นอกแท่นพิธีไม่หยุดหย่อน
จี้หย่งฟางกัดฟันปล่อยมายาเพลิงวิหคชาดออกมา มันเป็นขนนกสีแดง บ่งบอกว่ามันเป็นชั้นกลาง เป็นเช่นเดียวกับหลู่ เจียจื้อ
เหล่าลูกศิษย์ที่มุงดูก็ไม่แสดงสีหน้าแปลกใจมากนัก เพราะจี้หย่งฟางอยู่แค่ในระดับแปลงจิตขั้นต้น ต่อให้ใช้อาวุ ธลับที่พิเศษ ก็ยากจะเอาชนะอสูรระดับเพลิงสวรรค์ได้ ดังนั้นขนนกชั้นกลางก็สมกับความสามารถของเขาแล้ว
เสียงวิจารณ์ในจัตุรัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ เงียบลง นี่เป็นการให้เกียรติต่อลูกศิษย์อัจฉริยะของสำนัก
ทุกคนต่างก็มองไปยังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ รอคอยการกระตุ้นของเพลิงศักดิ์สิทธิ์
จี้หย่งฟางก็มองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความประหม่าเช่นกัน ภาวนาในใจไม่หยุดว่าต้องยอมรับตน มิเช่นนั้นจะแพ้ยับเยิน นอย่างแท้จริง…
ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือไม่ ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีขาวกลางอากาศแลดูเซื่องซึม ราวกับว่าหมดเรี่ยวแรง หลังผ่านการรบครั้งใหญ่
คลื่นมหัศจรรย์ลูกหนึ่งมาเยือนโดยพลัน ดูดขนนกหงส์ไฟชั้นกลางลอยขึ้นฟ้า หลอมเป็นหนึ่งกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์
จี้หย่งฟางกำมือแน่น ร่างกายสั่นระริก ในใจดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง
สำเร็จแล้ว ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว!
ผู้อาวุโสจี้บนที่นั่งผู้อาวุโสก็พรูลมหายใจเบาๆ ยังดีที่ลูกชายของตนไม่ทำให้อับอายขายหน้า
เมื่อขนนกหงส์ไฟผสานกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แสงสีขาวก็เริ่มลอยไปหาจี้หย่งฟาง
แสงสว่างเหมือนควันขาว ค่อยๆ แนบไปตามผิวหนังของจี้หย่งฟาง เริ่มสลายไปในสิบวินาทีให้หลัง
จี้หย่งฟางตัวแข็งทื่อ
ทั้งจัตุรัสเงียบสงัด
ลูกศิษย์นับไม่ถ้วนต่างก็เบิกตากว้าง จ้องจี้หย่งฟางกลางแท่นพิธีด้วยความตะลึง
“ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม เขาใช้ขนนกชั้นกลางไม่ใช่หรือ ทำไมแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ส่องแค่สิบวินาทีก็สิ้นแล้วล่ะ ค ควรยาวถึงหนึ่งนาทีไม่ใช่หรือ!”
“ส่องไม่กี่วินาทีไม่พอ อีกทั้งปริมาณของแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ถ่ายทอดต่อหนึ่งหน่วยของเวลาก็ดูจะน้อยเป็นพิเ เศษ”
“เมื่อมองเช่นนี้ ดูเหมือนจะมีแค่ขนนกชั้นล่างที่เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้กระมัง”
“ขนนกชั้นล่างหรือ ฮะ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เห็นขนนกชั้นล่างในสำนัก…”
“ศิษย์พี่จี้ที่น่าสงสาร...”
…
ผู้อาวุโสจี้บนที่นั่งผู้อาวุโสตบโต๊ะอย่างแรง “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!”
ผู้อาวุโสที่เหลือก็มองหน้ากันด้วยท่าทางงุนงงเช่นกัน
สุดท้ายผู้อาวุโสเฉินซิ่นหรานก็กระแอมเบาๆ ชี้แจงด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังว่า “พวกเจ้าไม่เห็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ห หรือ แสงสว่างค่อนข้างหม่นหมอง อาจเพราะผลาญพลังเพลิงมากไปตอนช่วยอันหลินหล่อหลอมพลังเพลิง เหนื่อยล้าเกินไป จึง งเกิดสถานการณ์เช่นนี้”
คำพูดของเฉินซิ่นหรานกระจายไปทั่วจัตุรัสประหนึ่งสายธาร หากพูดว่าอธิบายให้ผู้อาวุโสจี้ ไม่สู้พูดว่าชี้แจงให้ก กับลูกศิษย์หลายหมื่นชีวิต
ลูกศิษย์ทั้งหลายทำหน้าตะลึงงัน อธิบายเช่นนี้ได้ด้วยหรือ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม