หนีเหรอ
ในกำมือของสาวหิมะหวนสู่ความเปล่าที่ครอบครองพลังมิติห้าคน เขาจะใช้อะไรหนี…
สู้เหรอ
ใครบอกเขาได้บ้างว่า แปลงจิตขั้นกลางอย่างเขาควรสู้กับระดับหวนสู่ความว่างเปล่าห้าคนอย่างไร เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์แค่คนเดียวก็สามารถกำราบเขาได้แล้ว เจ้าแห่งวังศักดิ์สิ ทธิ์ห้าคนเข้ามาพร้อมกัน ไม่มีโอกาสจะชนะเลยสักนิด!
อันหลินเข้าใจสถานะในตอนนี้ของตนดี แทบจะเป็นสภาพที่ตายแหงๆ แล้ว
สาวหิมะเหล่านี้ไม่คิดจะใช้วิธีแยกย้ายกันเคลื่อนไหวเลย ลักลอบส่งจานรวมอัคคีกลับเมืองศักดิ์สิทธิ์
พวกนางไม่เคยปล่อยให้จานรวมอัคคีอยู่ห่างจากการควบคุมของสุดยอดพลังเลยตั้งแต่แรก
อุบายนี้ไม่เพียงแต่ทำให้พลังของพวกนางบรรจบกันได้ด้วยความเป็นไปได้ที่สูงอย่างยิ่ง แต่ยังทำให้พลังของสำนักวิหคชาดแตกกระจาย รอดพ้นจากการไล่ล่าของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงอีกด ด้วย
สวีเสี่ยวหลานมองศัตรูระดับหวนสู่ความว่างเปล่าทั้งห้าคน ใบหน้างามเผือดสีนิดหน่อย เข้ามาหาอันหลินแล้วกระซิบว่า “อันหลิน ขอโทษนะ ข้าทำเจ้าเดือดร้อน”
“เจ้าพูดเช่นนี้ ไม่เห็นข้าเป็นลูกศิษย์ของสำนักวิหคชาดหรือ”
อันหลินมองสวีเสี่ยวหลาน หยิกแก้มที่ขาดสีเลือดของนางแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
สวีเสี่ยวหลานจ้องอันหลินแล้วโพล่งขึ้นมาว่า “ได้ตายพร้อมกับเจ้า…ก็รู้สึกไม่แย่”
“พวกเราอาจจะไม่ตายก็ได้” อันหลินปลอบโยน
ใบหน้าของชิงหลีเปื้อนรอยยิ้มบางๆ ถามอย่างนึกสนใจว่า “อ้อ ใครให้ความมั่นใจกับเจ้ากัน ทำให้เจ้าคิดไปเองว่าพวกเจ้าจะไม่ตาย”
ครั้นพูดจบ สาวหิมะระดับหวนสู่ความว่างเปล่าห้าคนก็ปล่อยพลังปราณที่น่ากลัวออกมาพร้อมกัน พลังปราณหลอมรวมเป็นหนึ่งแล้วพุ่งออกไปหาอันหลินกับสวีเสี่ยวหลาน
อันหลินรู้สึกเหมือนร่างกายถูกเขาไท่ซานกดทับ แม้แต่ลมหายใจก็เริ่มติดขัด
ร่างอรชรของสวีเสี่ยวหลานโอนเอน เลือดไหลออกจากมุมปาก
ในขณะเดียวกัน ทะเลน้ำแข็งแห่งหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์
การต่อสู้ของที่นี่ทำให้ชั้นหิมะในรัศมีหลายสิบลี้ละลาย คลื่นที่ร้อนระอุก่อตัวเป็นคลื่นจู่โจมกระจายไปทั่วทุกสารทิศไม่หยุด
ศูนย์กลางของการต่อสู้มีลูกไฟสีแดงขนาดมหึมาลูกหนึ่ง ลอยอยู่บนฟากฟ้าประดุจดวงอาทิตย์
ผู้อาวุโสสำนักวิหคชาดคนหนึ่งชักนำพลังของลูกไฟสีแดง จู่โจมเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยล่องอยู่ข้างหน้าปานวิญญาณไม่ขาดสาย ทุกการโจมตีล้วนทำให้พสุธาร่วมพันเมตรละลายได้
“ไม่มีใครรอดพ้นเขตอาคมเพลิงของข้าไปได้ เจ้าอย่าเปลืองแรงดีกว่า” ผู้อาวุโสยืนมือไพล่หลัง ร่างกายแผ่พลังเพลิงออกมา เพียงพอจะทำให้ผืนฟ้าถล่ม
ชุดขาวของสาวหิมะฉีกขาด เลือดไหลออกจากมุมปาก ท่าทางสะบักสะบอม แต่ใบหน้ากลับไม่มีความวิตกเลยสักนิด
“หึๆ เจ้านึกว่าข้าจะไร้หนทางถอยแล้วจริงๆ หรือ” รอยยิ้มครึ้มใจฉายบนใบหน้าของสาวหิมะ
ใบหน้าของผู้อาวุโสถมึงทึง “ยังจะปากแข็งอีก”
เขาปล่อยหมัดออกไป เปลวไฟมวลมหาศาลรวมตัว ก่อตัวเป็นหมัดอัคคีใหญ่โตมโหฬาร ปล่อยออกไปหมายกระแทกสาวหิมะ
สาวหิมะถือกระบี่น้ำแข็ง ตวัดฟันหมัดอัคคีที่น่ากลัวด้วยความโกรธา ลำแสงกระบี่เย็นเยือกพุ่งผ่านเวหา เจือพลังทำลายล้างมิติอยู่ไรๆ
พลังทั้งสองชนกันทันใด แรงโจมตีอันยิ่งใหญ่ทำให้ปฐพีในรัศมีหลายลี้ถล่ม สุดท้ายเปลวไฟก็กลืนกินลำแสงกระบี่
สาวหิมะกระอักเลือดถอยกรูดอีกครั้ง แต่ใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้มบางๆ “ที่ข้าอยู่ที่นี่ เพียงเพื่อล่อเจ้ามาที่นี่ แล้วถ่วงเวลาของเจ้าเท่านั้น ตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่า เจ้าถ ถูกพวกข้าปั่นหัวได้อนาถปานใด ลาก่อนนะ ฮ่าๆ ๆ…”
นางกระตุ้นยันต์สีน้ำเงินด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
ผู้อาวุโสนึกว่านางจะสำแดงวิชาหลบหนีบางอย่าง จึงพันธนาการมิติรอบข้างทันใด
“ไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าเคยได้ยินวิชาแลกวิญญาณหรือไม่” สาวหิมะส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปร
นางคร้านจะสนใจผู้อาวุโส จึงกระตุ้นยันต์สีน้ำเงินต่อไป
หนึ่งนาทีผ่านไปแล้ว นางยังอยู่ที่เดิม กะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง
สาวหิมะ “…”
ไยไม่มีการตอบสนอง เป็นไปไม่ได้!
ขอเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกระตุ้นการแลกวิญญาณ ก็จะแลกเปลี่ยนตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตทั้งสองได้ทันที ทำไมถึงไม่ตอบสนอง
ข้อสันนิษฐานข้อหนึ่งผุดขึ้นในใจสาวหิมะ ทำให้หัวใจของนางเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง
หรือ…สาวหิมะอีกคนที่ปกป้องจานรวมอัคคีตายไปแล้ว
บัดนี้ ผู้อาวุโสรวบรวมลูกไฟมโหฬารเก้าลูก ปล่อยออกไปกระแทกสาวหิมะพร้อมกัน…
อันหลินที่เผชิญหน้ากับเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า ไม่ได้มีสีหน้าสิ้นหวังหรือหมดอาลัยตายอยากแต่อย่างใด แต่กำลังตรึกตรองคิดหาวิธีทำลายอุบายไม่หยุด
“เสี่ยวหลาน เจ้าใช้ความเร็วสูงสุดหนีไป ข้ามีวิธีทำลายพันธนาการมิติของสาวหิมะ เสี้ยววินาทีที่ทลายพันธนาการ พวกนางต้องลำพองใจเป็นแน่ เจ้าหาวิธีติดต่อกับผู้อาวุโสให้ได้ อย่ างน้อยก็ต้องส่งตำแหน่งที่พวกเราอยู่ออกไปให้ได้!” อันหลินลอบส่งกระแสจิต
“ไม่มีปัญหา” สวีเสี่ยวหลานส่งกระแสจิตตอบ
พออันหลินได้รับคำตอบ แหวนมิติก็สว่างวาบ กันดั้มสองตัวปรากฏกลางฟ้าดิน
“ต๋าอี ต๋าเอ้อร์ ขวางพวกนางไว้!”
ขณะเดียวกัน ปีกเพลิงสีทองของสวีเสี่ยวหลานก็กางออกปานพญาหงส์สยายปีก แสงอัสนีปกคลุมทั่วสรรพางค์กาย หลบหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากขมุบขมิบ กำลังร่ายมนตร์บางอย่าง
“นี่น่ะหรือที่พึ่งของเจ้า” ชิงหลียิ้มจางๆ แล้วโบกมือ
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ที่พุ่งใส่พวกนางทั้งสี่กลายเป็นน้ำแข็ง ร่วงหล่นลงพสุธาในพริบตา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม