ในตำหนักเทพเจ้าสูงสุด ณ เมืองศักดิ์สิทธิ์ แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์
หญิงสาวที่ถูกแสงสีน้ำเงินปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังยืนอยู่บนถาดทวยเทพ มองลงมายังสาวหิมะทั้งหลายที่อยู่เบื้องล่าง รวมถึงหญิงชุดขาวที่คุกเข่าบนพื้น
“ซ่างกวนอี้ เจ้ายินยอมสาบานด้วยมรรควิถีรับสังฆราชินีเมิ่งจือเป็นอาจารย์หรือไม่”
เสียงที่ใสกังวานเจือความน่ายำเกรงอันสูงส่งถาโถมใส่หญิงสาวที่คุกเข่าบนพื้น
นอกจากนี้ยังมีเจตจำนงอันดั้งเดิมอย่างยิ่งที่มาจากบรรพกาลกำลังล่อลวงจิตของนางไม่หยุดหย่อน
ซ่างกวนอี้เม้มริมฝีปากที่อ่อนนุ่ม ใบหน้ามีความหนักแน่นที่ยอมตายไม่ยอมจำนน กัดฟันแน่นไม่พูดอะไรเลย
ในใจนางต่อต้านเสียงของจักรพรรดินีอย่างยิ่ง แต่ความชิดเชื้อและความผูกพันที่มาจากสายเลือดกลับทำให้นางจำต้องยอมเชื่อฟังเจตจำนงบรรพกาลนั่น
ข้างๆ ซ่างกวนอี้มีเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ยี่สิบแปดคนกำลังยืนอยู่อีกมุมเงียบๆ
หลังผ่านมหาสงครามครั้งนั้น เจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสิบหกสิ้นชีพไปแปดคน นี่เป็นการสูญเสียอันร้ายแรงที่แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ไม่เคยพบเจอเลยในรอบหมื่นปี มันสั่นคลอนรากฐานของสาวหิมะอย่างใหญ่หลวง
บัดนี้มู่ชิงเจ้าแห่งวังอินทรีเหมันต์กำลังจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยความคาดหวัง
ตอนนั้นเป็นนางนี่แหละที่พบซ่างกวนอี้ที่กำลังต่อสู้ระหว่างหลบหนี
นางไม่คิดว่าซ่างกวนอี้จะมีรากฐานแห่งน้ำแข็งของวิญญาณบรรพชนน้ำแข็งแต่กำเนิด นี่มันผู้สืบทอดสังฆราชินีชั้นยอดเชียวนะ!
มู่ชิงจับเป็นซ่างกวนอวี้โดยไม่ลังเลแล้วคุมตัวมาตรงหน้าจักรพรรดินี
หากจะถามว่าประโยชน์อันใดจากสงครามดุเดือดครั้งนั้นที่ควรค่าให้ดีใจ เกรงว่าคงจะมีแค่หญิงสาวตรงหน้าคนนี้เท่านั้น
มู่ชิงโชคดีเหลือเกินที่วิชาแลกวิญญาณของตนสิ้นประสิทธิภาพ มิเช่นนั้นคงเจริญรอยตามเจ้าแห่งวังทั้งห้าคนนั้น ถูกยอดฝีมือที่ยากลึกหยั่งถึงคนนั้นปลิดชีพไปเสียแล้ว
นางรู้สึกโชคดีอย่างยิ่ง ดวงของตนดีไม่หยอกจริงๆ รอดจากความตายไม่พอ ยังจับสุดยอดผู้สืบทอดสังฆราชินีกลับมาได้ด้วย หากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ อีกไม่กี่วันจะมีรางวัลอันน่าตื้นตันใจ…
“ซ่างกวนอี้ เจ้ายินยอมสาบานด้วยมรรควิถีรับสังฆราชินีเมิ่งจือเป็นอาจารย์หรือไม่”
จักรพรรดินีเอ่ยปากอีกครั้ง ถาดทวยเทพสีทองเริ่มเคลื่อนไหว อักขระสีทองนับไม่ถ้วนพรั่งพรูเข้าตัวซ่างกวนอี้ มันเป็นพลังธาตุแท้ดั้งเดิมที่สุดอันเจือด้วยเจตจำนง แก่นแท้แห่งมรรคาและพลังคุ้มครอง
ร่างบางของซ่างกวนอี้สั่นระริก นัยน์ตาคู่งามมีประกายสีทองเสี้ยวหนึ่งเพิ่มมา ใบหน้าที่แข็งกร้าวกำลังสูญสลายช้าๆ เริ่มมีความเฉยชาที่ทอความเย็นเยือกปรากฏขึ้น
“ข้ายอมสาบานด้วยมรรควิถี ยอมรับสังฆราชินีเมิ่งจือเป็นอาจารย์!”
เสียงที่เย็นชาดังขึ้นในตำหนักเทพเจ้าสูงส่ง ถาดเริ่มหมุน ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัว
เมิ่งจือที่ยืนข้างจักรพรรดินีนัยน์ตาสั่นระริก ใบหน้างามล่มเมืองมีรอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้น
…
แคว้นไป๋หัว
ดวงดาราเดียรดาษพร่างพราวเต็มนภา ดวงดาวทรงกลมดวงหนึ่งทลายความสงบของรัตติกาล วาดเส้นโค้งสีทองอันงดงามกลางท้องฟ้ายามราตรี ตกลงกลางที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง
ตูม
แผ่นดินสั่นสะเทือน การโจมตีของพลังงานม้วนตัวไปหลายลี้ แสงเพลิงพวยพุ่งสะท้อนฟ้าดินให้สว่างไสวไปทั่ว
หญิงสาวงดงามจนจับต้องไม่ได้ ผมยาวดำขลับจรดเท้าหัวเข่าคนหนึ่งสืบเท้าอันแช่มช้อยปรากฏกายกลางเปลวไฟ เปลวไฟส่องสะท้อนผิวหนังขาวหยวกให้ดูนุ่มนวลและเย้ายวน พร่างพราวแสบตาปานดวงจันทร์กลางนภายามราตรี
นางก็คือราชินีเยว่เย่ที่กลายร่างเป็นจันทราดาราผู้นั้นนั่นเอง รองเท้าสีดำย่ำกลางเวหา หนึ่งก้าวสามลี้ ไม่นานก็มาเยือนยอดของขุนเขาสูงลูกหนึ่ง
นัยน์ตาของนางอบอุ่นใสกระจ่างดุจดวงจันทร์ เมื่อทอดสายตามองไป ตำแหน่งที่แววตามองเห็นคือสรวงสวรรค์
หลายอึดใจต่อมา ราชินีเยว่เย่ก็หลับตาลง ข้อมูลอันมหาศาลเริ่มรวมตัวกันในสมองของนาง
“ไม่ปรารถนาสิ่งใด กลายเป็นธรรมชาติ การจับตามองหกร้อยวันโดยไม่เปลี่ยนแปลงปณิธาน ต่อไปข้าขอดูสักหน่อยสิว่าได้ข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง…”
“อืม…พลังต่อสู้ทั่วไปมีแค่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ พลังยุทธ์ก็อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้นหรือ”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม