เวลามักผ่านไปไวเสมอ ช่วงเวลาที่บำเพ็ญเพียรในรั้วสำนักผ่านไปอีกหนึ่งเดือนกว่าโดยไม่รู้ตัว
ซาลาเปาที่อันหลินขายพบเจอกับทางตัน ประสบปัญหาที่ซาลาเปาขายไม่หมดเป็นบางครั้ง
ผ่านมาสี่สิบกว่าวัน ทำเงินได้แค่สามล้านกว่าหินวิญญาณเท่านั้น น้อยมากจริงๆ…
เกิดนักเรียนคนอื่นได้ยินคำรำพันของอันหลิน ไม่แน่ว่าอาจจะบุกมาพังบ้านของเขาในพริบตาก็ได้
อืม ตอนนี้ทรัพย์สินของอันหลินทะลุสิบหกล้านแล้ว บรรลุระดับความมั่งคั่งที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าก็ห่างไกลเกินคว้า แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น
เรื่องใหญ่ก็คือเสี่ยวหงทลายพันธนาการบางอย่างโดยไม่รู้ตัว พลังยุทธ์บรรลุระดับกึ่งแปลงจิตแล้ว หยั่งรู้เขตอาคมอันเป็นของมันในขั้นแรก
มันเป็นเขตอาคมที่ปกคลุมด้วยแสงสีทอง เสี่ยวหงก็คือดวงอาทิตย์ภายในเขตอาคม สามารถเรียกขานภิกษุที่สุภาพอ่อนโยนออกมาได้มากมาย ถุย! เรียกขานร่างแยกของทูตแห่งตะวันที่งดงามไร้ เทียมทานได้มากมายต่างหากเล่า!
ท่าทางสุดยอดมาก อย่างไรเสียอันหลินก็ไม่ค่อยเข้าใจโลกทางจิตวิญญาณของเสี่ยวหง รู้แค่ว่าพรสวรรค์ของมันน่าจะดีที่สุดในบรรดาสัตว์เลี้ยง
อันหลินมอบหยกโลหิตเทวะในแหวนมิติให้เสี่ยวหงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เขตอาคม เสี่ยวหงยืนสังเคราะห์แสงบนหยกโลหิตเทวะทุกวัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปีแล้วปีเล่า…
ต่างก็พูดว่าการแข่งขันและแรงกดดันจะส่งเสริมให้คนก้าวหน้า คำพูดนี้ไม่ผิดเลยสักนิด
เซวียนหยวนเฉิงลากลับไปเก็บตัวบำเพ็ญที่สำนักเซียนหมื่นชีวิตหลังได้รับการกระทบกระเทือนทันที
ด้วยเหตุนี้ หนึ่งเดือนผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่ออกมา
เขาเคยบอกว่าจะเก็บตัวบำเพ็ญเพียรหนึ่งเดือน แต่ดูจากท่าทางของเขาในตอนนั้นแล้ว น่าจะไม่กลับสำนักหากไม่บรรลุ
สุดท้ายหลังเขาเก็บตัวบำเพ็ญเพียรได้เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในที่สุดเขาก็ออกมาแล้ว!
เซวียนหยวนเฉิงก้าวออกจากแดนพิศวง เสื้อขาดรุ่งริ่ง เนื้อตัวดำเกรียม ใบหน้าหล่อเหลาดุจถ่านดำ
แต่นัยน์ตาของเขากลับสุกใสเป็นอย่างยิ่ง แถมยังเปล่งประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อันหลินเมื่อทราบว่าพี่เฉิงกลับสำนักก็วิ่งไปต้อนรับด้วยความเริงร่า ปรากฏว่ากลับถูกพี่เฉิงลากไปประลอง
ครึ่งเค่อ[1]ต่อมา ทั้งสองก็กลับบ้านพักด้วยใบหน้าที่ไหม้เกรียม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง…
จนบัดนี้อันหลินก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมพี่เฉิงที่สุภาพอ่อนโยนถึงหยั่งรู้เขตอาคมแบบนั้น ตัวเองหลงกลเขาชัดๆ ถึงได้ตอบรับการประลองพรรค์นั้น!
“คุณพระ พี่อัน เจ้าถูกระเบิดหรือ โฮ่ง!”
ต้าไป๋เบิกตากว้างทันทีที่กลับถึงบ้านพัก มองอันหลินที่ใบหน้าไหม้เกรียมด้วยความตกใจ
“อืม ถูกระเบิด” อันหลินพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ปฏิเสธ
“หลังนายท่านถูกระเบิดแล้วยังคงงามสง่ายิ่งนัก ในความอ่อนแรงเจือความองอาจ! บรู๊ว!” หมาป่าน้อยเดินวนรอบอันหลินแล้วประจบประแจงอย่างรู้งาน
ตอนนี้หมาป่าดาบขาวกลายเป็นหมาป่าน้อยขนสีขาวไปแล้ว มองอันหลินด้วยท่าทีเชื่องๆ
หลังจากที่ได้คลุกคลีมาสักระยัก มันก็รู้นิสัยใจคอของอันหลินแล้ว รู้ว่าอันหลินชอบสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆ หมาป่าสีขาวตัวเล็กก็สอดคล้องกับรูปแบบของกลุ่มสัตว์เลี้ยงด้วย จึงเริ่มส สนองความต้องการของคนอื่นแล้ว
อดพูดไม่ได้ว่า อันหลินชอบรูปแบบนี้มากจริงๆ
เขาลูบขนสีขาวของหมาป่าน้อยยิ้มๆ แล้วเอ่ยชมว่า “รู้ความ!”
หมาป่าน้อยเบิกดวงตาโตที่สุกใส แลบลิ้ม กระดิกหางแล้วทำหน้าว่าง่าย
ต้าไป๋เห็นดังนั้นก็เกิดความรู้สึกอันตรายขึ้นมาทันที ถูกสวีเสี่ยวหลานแย่งความโปรดปรานไปยังไม่พอ ตอนนี้ยังจะถูกหมาป่าหางใหญ่ตัวหนึ่งแย่งความโปรดปรานไปอีกหรือ มันหมายความว่า า…
นับจากนี้ไป จำนวนซาลาเปาต้าไป๋เมินของตนอาจจะถูกลดทอนลงงั้นหรือ!
ไม่ได้การ จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!
ต้าไป๋ใช้สมองทันที สุดท้ายก็มองอันหลินอย่างประจบประแจง “พี่อัน ช่วงนี้ข้าพบที่ดีๆ ในรั้วสำนัก เจ้าไปอาบน้ำสักหน่อย ข้าจะพาเจ้าไปดู โฮ่ง!”
“ที่ไหน” อันหลินถามอย่างสนเท่ห์
ต้าไป๋ยิ้มชั่วร้าย “ความลับ ตามข้าไปถึงที่นั่นเจ้าก็รู้เอง! โฮ่ง!”
ต้องบอกว่าคำพูดของต้าไป๋เรียกร้องความสงสัยใคร่รู้จากอันหลินได้
เขารีบอาบน้ำอย่างว่องไว เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพ แล้วขี่ต้าไป๋เหาะออกจากบ้านพัก
ต้าไป๋พาอันหลินมายังภูเขาสูงแห่งหนึ่ง มันเป็นเขาสุริยันแดง ภูเขาที่สูงอันดับที่ห้าของสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียน
อันที่จริงเขาสุริยันแดงแห่งนี้ไม่มีความพิเศษอะไร ถ้านับความมีชีวิตชีวานั้นสู้เขาชมจันทร์ไม่ได้ ทิวทัศน์สู้ยอดเขาแสงมรกตไม่ได้ ความสูงชันเองก็สู้เขาผาหักไม่ได้ บางทีการที่ไม ม่มีอะไรพิเศษคงเป็นความพิเศษของมัน ด้วยเหตุนี้นักเรียนจึงมักจะชอบมาเดินเล่นที่ภูเขาลูกนี้


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม