ตอนนี้ในใจต้าไป๋มีความสิ้นหวัง คำพูดที่แนบเรียนไร้ช่องโหว่ของอันหลินทำร้ายจิตใจของมันอย่างยิ่ง
เพราะอะไร ทำไมต้าไป๋ผู้นี้ถูกสามีภรรยาร่วมมือกันทุบตีแล้ว ยังจะถูกใส่ร้ายป้ายสีอีกหรือ
ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน ยังมีความยุติธรรมอีกไหม!
ทันใดนั้น ต้าไป๋ก็นึกอะไรขึ้นได้
“เซียนหญิงเสี่ยวหลาน เข้าใจผิดแล้ว! นี่เป็นความคิดของพี่อันทั้งนั้น เขาเป็นตัวต้นคิด ข้าแค่สมรู้ร่วมคิด!”
ต้าไป๋คร่ำครวญแล้วพูดต่อว่า “เป็นความคิดของพี่อันทั้งนั้น! ตอนที่ข้าเห็นร่างของเจ้าในคันฉ่องเมฆ ข้าพยายามห้ามพี่อันไม่ให้แอบดูสุดชีวิต ปรากฏว่าพี่อันกลับทุบตีข้าด้วยคว วามโมโห! พี่อันมีนิสัยอย่างไรเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ เจ้าต้องเชื่อข้านะ! โฮ่ง!”
พูดจบต้าไป๋ก็ถลึงตาใส่อันหลินอย่างขุ่นเคือง
เอาเลย ทำร้ายกันและกันเลย!
สวีเสี่ยวหลาน “…”
อันหลินแข้งขาอ่อนแรงอีกครั้ง รีบส่งกระแสจิตทันที ‘ต้าไป๋ รีบหุบปากเดี๋ยวนี้! โดนตีคนเดียวย่อมดีกว่าโดนสองคนนะ!’
ต้าไป๋แสยะยิ้ม ‘เจ็บคนเดียวไม่สู้เจ็บด้วยกัน’
อันหลิน “…”
เขามองสวีเสี่ยวหลาน แววตาสั่นระริก พูดอย่างจริงใจว่า “เสี่ยวหลาน ข้าเป็นคนเช่นใด เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ”
“เฮ้อ…” สวีเสี่ยวหลานถอนหายใจเบาๆ
ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะๆ…
ต้าไป๋เห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวกับตา ในใจไร้คลื่นอารมณ์ ถึงขั้นว่าอยากจะขำด้วยซ้ำ
อันหลินนอนหน้าช้ำบวมปูดบนพื้น เขารู้สึกว่าหมัดของสวีเสี่ยวหลานจะรุนแรงขึ้นหลายส่วนตั้งแต่บรรลุระดับแปลงจิต ร่างกายของตนต้านทานไม่ค่อยไหวแล้ว
พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี สวีเสี่ยวหลานรักเขาลึกซึ้งขึ้นทุกวันแล้ว…
ขณะที่ต้าไป๋กำลังจะพูดจาเย้ยหยัน จู่ๆก็มีร่างเคลื่อนตัวเข้ามา จากนั้นกำปั้นดุจหยกขาวก็ประเดประดังเข้ามาปานพายุมรสุม!
ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะๆ…
ต้าไป๋นอนแผ่อยู่ในหลุมเหมือนหมาตาย นัยน์ตาพร่ามัว พูดไม่ออกเลยสักคำ
มันลองนับดู นี่เป็นการทุบตีครั้งที่สี่ของคืนนี้แล้ว
อันหลินทุบตีมันสองครั้ง สวีเสี่ยวหลานทุบตีมันสองหน สมกันดี เข้ากันได้ดีจริงๆ…
เป็นดังที่คาด สิ่งแลกเปลี่ยนของการชมทิวทัศน์หนักอึ้งจนมันหายใจไม่ออก
สวีเสี่ยวหลานปัดมือที่เริ่มแดงเรื่อเล็กน้อยแล้วพูดเสียงไพเราะว่า “พวกเจ้าทั้งสองมีนิสัยอย่างไรข้ารู้ดีที่สุด ฉะนั้นคำพูดของพวกเจ้าเชื่อไม่ได้ จัดการคนละครึ่งเสียเลย ยุติ ธรรม!”
อันหลินชูมือสองข้างขึ้นสูงแล้วเอ่ยชมว่า “เซียนหญิงเสี่ยวหลานปราดเปรื่อง!”
ต้าไป๋ “…”
“ครั้งหน้าถ้ายังกล้าแอบดูอีก สิ่งที่รับรองพวกเจ้าจะไม่ใช่กำปั้นแล้ว แต่เป็นกระบี่มังกรวิหค! ข้าจะตอนของพวกเจ้าทั้งสอง!” สวีเสี่ยวหลานเอ่ยเสียงเย็นอีกครั้ง
กระบี่มังกรวิหคเล่มหนึ่งโผล่มากะทันหัน คมกระบี่ส่องแสงอัสนีสีน้ำเงินแปลบปลาบข้างหนึ่ง อีกข้างมีเพลิงเทวะสีแดงลุกโชน
อันหลินกับต้าไป๋ต่างก็รู้สึกเย็นวาบที่ท่อนล่าง พากันพยักหน้าไม่หยุด
“เซียนหญิงเสี่ยวหลาน ข้าสาบานว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก!” อันหลินให้สัญญา
“ข้า…ข้า…ก็…สาบานเหมือนกัน…” ต้าไป๋พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะ
นิ้วเรียวของสวีเสี่ยวหลานประสานอิน จู่ๆ กระบี่วิหคมังกรก็ขยายใหญ่ขึ้นทันใด กลายเป็นกระบี่ยักษ์ยาวสิบกว่าเมตร กว้างสองเมตร
“ขึ้นมา!” สวีเสี่ยวหลานตะโกน
“ไป…ไปไหน” อันหลินกระวนกระวาย
“ส่งเจ้าไปที่ห้องกักตัวน่ะสิ ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิด!” สวีเสี่ยวหลานตอบ
อันหลิน “…”
ต้าไป๋ “…”
“คือว่า…เซียนหญิงเสี่ยวหลาน พวกเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว เจ้าใจกว้างหน่อยไม่ได้หรือ ข้าก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ…” อันหลินอ้อนวอนด้วยท่าทางเอาอกเอาใจ
“เหอะๆ…เจ้ามีหน้ามาพูดอีกหรือ ข้าไม่ใช้กระบี่เฉือนเจ้าก็ถือว่ามีเมตตามากแล้ว ขึ้นมา!” ขนคิ้วของสวีเสี่ยวหลานลุกตั้ง ตวาดเสียงดังลั่น
ด้วยถูกการใช้อำนาจโดยมิชอบของสวีเสี่ยวหลานบีบคั้น อันหลินจึงทำได้เพียงก้าวขึ้นกระบี่มังกรวิหคอย่างคอตก
สวีเสี่ยวหลานมองต้าไป๋ที่นิ่วไม่ไหวติงในหลุมด้วยสีหน้าที่เย็นเยือก “หือ ต้าไป๋ เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ต้าไป๋พูดอย่างเศร้าโศกว่า “ข้า…ข้าบาดเจ็บสาหัสขยับไม่ได้แล้ว…เจ้าช่วยข้าที…โฮ่ง!”
เขาถูก ‘ปึกๆ…ปั่กๆ…ตึกๆ…ผลัวะๆ…’ ถึงสี่ครั้ง ร่างสุนัขเหมือนจะแหลกสลายอยู่แล้ว ไหนเล่าจะมีแรงลุกขึ้นอีก

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม