“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าสามารถดูดซึมพลังงานของหอศักดิ์สิทธิ์วิญญาณเข้าสู่ร่างกายได้”
เสียงกังวานไพเราะดังขึ้นปานนกกระจอกเพรียกพร้อง
อันหลินมองผลึกหินต้นกำเนิดที่กลายเป็นผุยผงสีขาวตรงหน้าแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ที่ที่พวกเราอยู่เรียกสิ่งนี้ว่าผลึกหินต้นกำเนิด ไม่ได้มีแค่ผลึกหินสีทองเท่านั้น แต่ยังมีสีขาว ส สีเขียว สีน้ำเงินและสีแดงอีกด้วย หากเจ้ายังมีของพวกนี้อีก นำมันมาแลกเปลี่ยนกับข้าได้”
ทีน่าส่ายหน้าหัวยิ้มๆ “ไม่มีแล้ว สิ่งที่ข้ารู้มา มีเพียงเมืองใจกลางของเราเท่านั้นที่มีของสิ่งนี้”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นข้าก็จะต้องไปจากที่แห่งนี้แล้ว” อันหลินพูดเสียงเบา
“จาไปหรือ ออก…ออกไปข้างนอกหรือ” ทีน่ามองอันหลิน สุ้มเสียงค่อนข้างมีจังหวะจะโคน
อันหลินพยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว ออกไปท่องโลกภายนอกสักหน่อย โลกแห่งนั้นกว้างใหญ่กว่า”
“แต่ชายแดนของแผ่นดินเป็นดินแดนที่เหน็บหนาว คนที่เข้าไปไม่มีผู้ใดข้ามที่แห่งนั้นไปได้ เจ้าเข้าไปก็อาจจะแข็งตายได้!” ทีน่าไม่ได้บอกว่าอันหลินต้องตายเป็นแน่แท้ นั่นเป็นเ เพราะอันหลินแข็งแกร่งกว่าทุกผู้ทุกคนในแผ่นดิน
“เจ้าก็รู้ว่าเป็นเพียงความเป็นไปได้เท่านั้น ข้ามั่นใจในพลังของข้าอย่างมาก หากจะไม่ไปผจญภัยเพียงเพราะอาจจะมีอันตรายอยู่นั้น มันไม่ใช่ลักษณะของข้า”
อันหลินย่อตัวนั่งยอง แสงสายัณห์ยามอาทิตย์อัสดงปกคลุมเขาเป็นรัศมีหนึ่งชั้น
เขาก้มหน้ามองทีน่าแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โลกกว้างใหญ่ปานนี้ หากว่าติดแหง็กอยู่ในสถานที่หนึ่งจะพลาดทิวทัศน์มากมาย ดังนั้นข้าจำต้องไปจากที่นี่”
ทีน่าเงยหน้ามองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาเปล่งประกายแสงสุกใสดุจลูกแก้ว
“เสี่ยวน่า ข้าไปจากที่นี่ก่อนละ” อันหลินลุกขึ้นอำลาแล้วร้องเรียกก้อนอิฐสีดำของตน
“เดี๋ยวก่อน!”
เสียงที่ไพเราะเสนาะหูของทีน่าดังขึ้นข้างหลัง
อันหลินเหลียวหลังแล้วพูดอย่างงุนงง “มีอะไรหรือ”
“ทิวทัศน์ที่เจ้าให้ข้าดูบนวัตถุสี่เหลี่ยมชิ้นนั้นเป็นของจริงหมดเลยหรือ” ทีน่ากำหมัดพลางถามด้วยเสียงที่ดัง
อันหลินหัวเราะเบาๆ “ของจริงทั้งนั้นเลย เรื่องนี้ไม่จำเป็นจะต้องหลอกเจ้าหรอก”
“เช่น…เช่นนั้นเจ้าพาข้าไปด้วยได้หรือไม่” ทีน่าเม้มปาก นัยน์เนตรคู่งามจดจ้องอันหลิน
อันหลินชะงักงัน มองทีน่าอึ้งๆ เช่นกัน
“โลกกว้างใหญ่ปานนั้น ข้าก็อยากไปชมเช่นกัน ไปชมทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนกัน ไปดูว่าโลกที่แท้จริงยอดเยี่ยมปานใดกันแน่!” ใบหน้าของทีน่าฉายความหนักแน่น แววตาแฝงความปรารถนาอันแรงกล้า อย่างยิ่งยวด
“แล้วเมืองใจกลางของเจ้า…” อันหลินอ้ำอึ้ง
“ข้าเห็นเมืองนี้แผ่นดินนี้มาหมื่นปีแล้ว ตอนนี้ข้าเพียงอยากไปจากที่นี่! ลูกผู้น้องของข้าความสามารถไม่เลว บรรลุระดับสุดยอดเทวะแล้ว นางสามารถสืบทอดตำแหน่งของข้าได้” ทีน่าพ พูด
ปล่อยปละละเลย ให้ลูกผู้น้องมารับกรรมต่อหรือ
อันหลินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ได้ ข้าตกลงจะพาเจ้าไปด้วยกัน!”
“ขอบคุณนะยักษ์อันหลิน เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ!” ทีน่ากระพือปีก สองแขนกางออกเป็นท่าทางจะสวมกอดแล้วพุ่งใส่แผงอกของอันหลินอย่างตื่นเต้น
แปะ
ร่างอรชรของทีน่าแนบอยู่บนหน้าอกของอันหลิน แสดงความขอบคุณด้วยอ้อมกอดของนางได้สำเร็จ
อันหลิน “…”
อันหลินก็อยากกอดเช่นกัน แต่เขากลัวว่าสองมือของตนจะตบทีน่าตาย แบบนั้นคงแย่แน่
“เช่นนั้นเจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปมอบหมายธุระในเมืองใจกลางสักหน่อย!” ทีน่าพูดด้วยความตื่นเต้น
อันหลินพยักหน้ายิ้มๆ แล้วรออยู่ที่เดิม ศึกษาอาวุธเซียนของตนไปเรื่อยเปื่อย
ในตอนนั้นเอง ข่าวคราวที่ภูตปราชญ์หญิงยกตำแหน่งให้ลูกผู้น้องก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองใจกลางประหนึ่งพายุหมุน ประชาชนทั้งหมดในเมืองต่างก็ตะลึงงัน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบน นี้ขึ้น
เบื้องบนขององค์กรเมืองใจกลางคัดค้านเรื่องนี้อย่างที่สุด
แต่ผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์ทั้งสองของเมืองใจกลางอย่างแมนเดลและแฮร์ริสกลับสนับสนุนเรื่องนี้สุดกำลัง บอกว่าทีน่ามีเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าต้องทำ อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้
ท่าทีของภูตปราชญ์หญิงก็เด็ดขาดอย่างยิ่ง ให้เมโลดี้ลูกผู้น้องสืบทอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษวันนั้นทันที พร้อมทั้งจัดพิธีราชาภิเษกให้นางด้วย
ท่ามกลางผู้คนหลายหมื่นชีวิตที่จับจ้อง ภายใต้การเป็นประจักษ์พยานของทีน่า เมโลดี้ชูกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นสูง แสงสีขาวพุ่งลงมาจากฟ้า
ณ ตอนนี้ สวรรค์ยอมรับ เมโลดี้กลายเป็นปราชญ์หญิงสมัยใหม่ของเผ่าภูตแล้ว
ราตรีกาล
ทีน่าที่ปลดเปลื้องอำนาจและเกียรติยศแล้วปรากฏตัวตรงหน้าอันหลินอีกครั้ง
ปีกของนางแผ่แสงสีทองจางๆ กลางท้องฟ้ายามรัตติกาล มองดูค่อนข้างงดงาม
กระโปรงยาวสีขาวพลิ้วไหว เหมือนบัวขาวที่ผลิบานกลางค่ำคืนยิ่งกว่า สวยงามเหนือสามัญ
“ยักษ์อันหลิน ปล่อยให้เจ้ารอนานเสียแล้ว ตอนนี้เราออกเดินทางได้แล้ว!” ทีน่ายิ้ม

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม