ทั้งๆ ที่แยกจากกันเกือบหนึ่งปีแล้ว แต่เมื่อเห็นแผ่นหลังนั่น กระบอกตาของอันหลินกลับร้อนผ่าว
ผมสีดอกเลานั่นมันอะไรกัน เขาเพิ่งอายุห้าสิบเองนี่นา!
หงอกขาวมากมายแซมอยู่ในผมดำขลับ แลดูค่อนข้างสะดุดตา ประหนึ่งเข็มสีเงิน ทิ่มแทงใจอันหลิน
แค่ปีเดียว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้พ่อเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
หลังอันหมิงชวนต้มบะหมี่หม่าล่าถ้วยหนึ่งเสร็จแล้ว เขาก็เปิดทีวีดูพลางกินบะหมี่ไปด้วย
เขาชื่นชอบการกินบะหมี่ระหว่างดูทีวียิ่งนัก รู้สึกว่าเมื่อเสียงสูดบะหมี่ ผสมผสานกับเสียงในทีวี มันทำให้เกิดความอยากอาหารเพิ่มขึ้น
ท่าทางที่เคยชินบางส่วน แม้จะมองจากตอนนี้ กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
เช่นก่อนกินบะหมี่ พ่อของเขามักจะถูมืออย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นค่อยหยิบตะเกียบ
ยามอันหลินเห็นฉากนี้ ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างก็ผุดวาบในใจ
ตอนที่เขายังเด็ก ก่อนกินบะหมี่ มักจะชอบเลียนแบบท่าทางของเขา ถูมือโดยไม่รู้ตัว
ส่วนแม่จะนั่งอยู่ข้างๆ มองสองพ่อลูกถูมืออย่างชอบใจ
มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างมาก เสียดายที่ตอนนี้ไม่มีวันได้เห็นฉากนี้อีกแล้ว
ในทีวี พิธีกรสาวกำลังรายงานข่าวบันเทิงอยู่
“เมื่อวาน ในเวทีคอนเสิร์ตเอเชียทัวร์ของตงฟางเสวี่ย มีนักร้องลึกลับที่ชื่ออันหลินปรากฏตัว เพลง ‘พระคัมภีร์เต้าจ้าง’ ของเขา สร้างความฮือฮาในงานคอนเสิร์ต ตอนนี้เพลงนี้กลายเป็นบทเพลงที่คว้าอันดับหนึ่งของชาร์ตเพลงทั้งหลายไปอย่างรวดเร็ว ลำดับต่อไปเรามาร่วมชมเพลง ‘พระคัมภีร์เต้าจ้าง’ ด้วยกันดีกว่าค่ะ!”
เมื่ออันหมิงชวนได้ยินข่าวนี้ มือที่คีบบะหมี่ก็สั่นระริก
เขาเงยหน้าขึ้น จดจ้องทีวีไม่วางตา
ภาพตัดไปที่เวทีคอนเสิร์ต ใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
อันหมิงชวนเบิกตากว้างจนเกิดรอยย่นบนหน้าผาก ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้น
แรกเริ่มอันหลินร้องอะแคปเปลลา เสียงที่ไพเราะดังลอดผ่านทีวีออกมา
เสียงใสที่เจือความแหบพร่า ลอยล่องไปทั่วทั้งห้องพร้อมกับทำนองอันงดงาม
หากไม่ได้ฟังเพลงนี้ในคอนเสิร์ต จะมีความสุนทรียลดน้อยลง
แต่เพลงนี้ แค่เพียงทำนอง ก็เป็นของชั้นสูงยิ่งแล้ว
ด้วยเหตุนี้หลังสื่อได้เผยแพร่บนโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว ก็กลายเป็นกระแสฮิตโด่งดังถล่มทลาย
บะหมี่ที่เพิ่งต้มเสร็จ ยังคงมีไอร้อนลอยขึ้นมา
ภายในห้องไม่มีเสียงสูดบะหมี่ เหลือเพียงเสียงร้องของอันหลินเท่านั้น
บะหมี่ที่คาอยู่ระหว่างตะเกียบของอันหมิงชวน เย็นชืดเสียแล้ว แต่เขาไม่รู้สึกตัว
ไม่รู้ว่าจมดิ่งอยู่ในบทเพลงหรือร่างที่คุ้นเคยนั่น
สุดท้าย อันหลินกับสาวสวยที่ดีดกู่ฉินในทีวีก็จับมือกัน
โค้งตัวคำนับผู้ชม ค่อยๆ ลงจากเวทีช้าๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือดังเกรียวกราว
ภาพในทีวีตัดมาที่พิธีกรอีกครั้ง เริ่มวิจารณ์บทเพลงรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อันหมิงชวนตื่นจากภวังค์ เขาหยิบมือถือขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ต่อสายหาเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยอีกครั้ง
“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดใช้บริการ…”
…
เขาวางมือถือลงอย่างเศร้าสร้อย หยิบตะเกียบขึ้นอีกครั้ง ก้มหน้าสูดน้ำมูก ขยี้ตาแล้วพึมพำว่า “ทำไมบะหมี่นี่เผ็ดขนาดนี้ล่ะ เผ็ดขึ้นจมูกขึ้นตาแล้ว…”
อันหลินมองแผ่นหลังที่ก้มหน้ากินบะหมี่ต่อ ก็ขยี้ตาเช่นกัน เช่นเดียวกับที่เขาถูมือก่อนกินบะหมี่แบบพ่อ ท่าทางยังคงสื่อถึงกันเช่นวันวาน
ตลอดหนึ่งปีมานี้ เขามักจะพร่ำบ่นว่าพ่อทำร้ายเขา
หากไม่ใช่เพราะพ่อสารเลวคนนี้ เขาคงไม่ถูกบีบคั้นให้ลาออก ถูกจับตัวไปทรมาน
แต่ว่า เขากลับมองข้ามไปว่าเมื่อก่อนพ่อดูแลเขาอย่างไร
และเขาก็ไม่เห็นภาพว่าพ่อสงบเสงี่ยม ถึงขั้นทิ้งศักดิ์ศรีไปยืมเงินอย่างไร
ซ้ำร้ายเขาไม่รู้สาเหตุที่พ่อมีผมหงอกไปกว่าครึ่งภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปีเลย
เกรงว่าสิ่งเดียวที่อันหลินรู้ คงจะเป็นเรื่องที่พ่อไปที่บริษัทก่อสร้างหงต๋ามหาชนจำกัดบ่อยครั้ง เพื่อขอร้องให้ประธานจางปล่อยลูกชายของเขา
แม้ในใจของพ่ออาจจะรู้ดีว่า ลูกชายของเขาไม่อยู่ที่นั่นนานแล้วก็ตาม…


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม