บทที่ 1005 มหาเทวาออกโรง
ขณะที่เมืองทศพิธถูกค่ายกลลึกลับกางกั้น เหล่าผู้ทรงพลังภายในห้องโถงก็รู้สึกตัวขึ้นมา
พวกเขาพากันมองไปทางเทพมหาทัณฑ์และหานเจวี๋ย
เทพมหาทัณฑ์กล่าวว่า “ชมต่อไปเถอะ”
เหล่าผู้ทรงพลังทำได้เพียงเก็บความไม่สบายใจไว้ภายใน ชมการต่อสู้ต่อไป แต่พวกเขาลอบถ่ายทอดเสียงคุยกันเป็นการส่วนตัว ให้ลูกน้องในสังกัดตนตรวจสอบสถานการณ์
ไม่นานนัก ผู้บำเพ็ญในเมืองทศพิธก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้วเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกระมัง!”
“หรือกลัวว่าพวกเราจะบุกไปรบกวนศึกชิงเลิศล้ำหมื่นยุค”
“ไม่ถูกสิ เดิมทีข้าก็สัมผัสถึงกลิ่นอายศึกชิงเลิศล้ำหมื่นยุคไม่ได้อยู่แล้ว แปลว่าไม่ได้อยู่ในก้นบึ้งฟ้าบุพกาล”
“ผู้นำดวงจิตไม่ได้พูดอะไร น่าจะไม่มีเรื่องกระมัง”
“อย่าแตกตื่นไป มีกลุ่มอิทธิพลทั่วฟ้าบุพกาลมารวมตัวอยู่ที่นี่ ไหนเลยจะเกิดเรื่องได้”
….
ภายในคฤหาสน์ เหล่าบุตรแห่งสวรรค์ของสำนักซ่อนเร้นก็เริ่มถกเรื่องนี้แล้ว
ไก่คุกรัตติกาลร้องขึ้นมาว่า “กลัวอะไรเล่า มีนายท่านอยู่ ถึงฟ้าถล่มก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง”
หานทั่วรวมถึงสี่เทวทัณฑ์มองหน้ากัน พวกเขาได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลแล้ว นี่เป็นสัญชาตญาณที่บ่มเพาะจากการเผชิญสนามรบมาอย่างยาวนาน
หลี่เสวียนเอ้าเอ่ยขึ้นว่า “ศึกชิงเลิศล้ำหมื่นยุคยังดำเนินอยู่ก็แปลว่าไม่เป็นไร มิเช่นนี้คงยุติงานชุมนุมลงกลางคันแล้ว”
คนอื่นๆ พยักหน้ารับ ให้ความสนใจกับฉากบนท้องนภาอีกครั้ง
อู๋เซียงเทียนเซี่ย หานฮวง หวงจุนเทียน มู่หรงฉี่ เทพมารขุนพลสวรรค์และราชันเทวาฟ้าไพศาลยังตะลุมบอนกันอยู่ พลังวิเศษสารพัดสำแดงออกมาอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์โกลาหลวุ่นวายยิ่ง ทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกน่าตื่นเต้นเช่นกัน เหล่าผู้บำเพ็ญในเมืองทศพิธชมอย่างได้อรรถรส
การต่อสู้ตะลุมบอนเช่นนี้ทำให้เลือดลมเดือดพล่านและเร้าใจเหลือเกิน เหนือชั้นกว่าการประลองตัวต่อตัวก่อนหน้านี้มากนัก
ในเวลาเดียวกันนี้
ชิงเทียนเสวียนจีที่ถูกเทวาที่หนึ่งสิงร่างมาถึงหน้าประตูเมืองทศพิธแล้ว เขายกมือขวาขึ้น ไอดำมหาศาลพุ่งทะลักออกมาจากฝ่ามือ พุ่งขึ้นสู่นภา ทะลวงผ่านห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่า ทะลุถึงห้วงอวกาศฟ้าบุพกาล ข้ามผ่านมหามรรคสามพันวิถีขึ้นไปจนถึงด้านล่างของเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด
ไอดำรวมตัวกันกลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่ง เงาร่างมากมายพุ่งออกมาจากลำแสงสีดำ คือขุนพลพินาศมากมายมหาศาล
ไม่นานนัก จำนวนขุนพลพินาศก็ทะลุถึงหลักแสน ขุนพลพินาศหนึ่งแสนนายโจมตีใส่กฎเกณฑ์สูงสุดอย่างบ้าคลั่ง ขุนพลพินาศที่เพิ่งมาใหม่ก็ลงมือเช่นกัน
เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดสั่นไหวรุนแรง มหามรรคสามพันวิถีปั่นป่วน
ภายในห้องโถง ผู้ทรงพลังส่วนใหญ่เงยหน้ามองขึ้นไป พอเห็นขุนพลพินาศกำลังโจมตีกฎเกณฑ์สูงสุดอยู่ พวกเขาล้วนแตกตื่นขึ้นมา
รากฐานอิทธิพลของพวกเขาอยู่ในฟ้าบุพกาล หากว่าฟ้าบุพกาลล่มสลาย ต่อให้พวกเขารอดชีวิตไปได้ ก็ไร้ซึ่งอำนาจและฐานที่มั่นแล้ว
“ท่านเทพ! อริยะสวรรค์! รีบมองไปที่กฎเกณฑ์สูงสุดเถิด”
“หรือว่าโลกด้านล่างฟ้าบุพกาลเริ่มลงมือแล้ว”
“ทำอย่างไรดี”
“ท่านเทพ ไยถึงไม่ลงมือเล่า!”
“กลุ่มคนเหล่านั้นช่างดูคุ้นตานัก นั่นมิใช่พลังวิเศษเช่นเดียวกับที่เต้าจื้อจุนสำแดงก่อนหน้านี้หรือ”
….
บรรดายอดมหามรรคภายในห้องโถงตื่นตระหนก ส่วนอริยะมหามรรครายอื่นถึงแม้จะมองไม่เห็นสถานการณ์ของมหามรรคสามพันวิถีที่อยู่ด้านบนแต่ก็เริ่มตระหนกขึ้นมาแล้วเช่นกัน
ร่างแยกของเทพมหาทัณฑ์เอ่ยว่า “พวกเจ้าจงมุ่งหน้าไปปกป้องกฎเกณฑ์สูงสุดเถิด!”
ทันทีที่เขาเอ่ยประโยคนี้ขึ้น เหล่ายอดมหามรรคก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าพวกเขาถูกสกัดไว้กลางอากาศเหนือเมืองทศพิธ ไม่สามารถฝ่าค่ายกลออกไปได้
พวกเขาตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม พากันสำแดงพลังทั้งหมดเพื่อทำลายค่ายกล ชั่วขณะนั้นทั่วทั้งเมืองทศพิธเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนเงยหน้าขึ้นไป มองเห็นว่าเหล่าผู้ทรงพลังพยายามทำลายค่ายกลอยู่ พวกเขาพลันตระหนักได้ว่าค่ายกลที่รับรู้ได้ก่อนหน้านี้มีความผิดปกติ!
ชั่วขณะนั้น ภายในเมืองทศพิธเกิดการคาดเดาไปต่างๆ นานา ถึงขั้นที่กล่าวหาว่าเทพมหาทัณฑ์ต้องการทำร้ายพวกเขา
พวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่เงียบไป ไม่ได้อธิบายต่อศิษย์ร่วมสำนัก ได้แต่นั่งมองเภทภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น
ยอดมหามรรคคนหนึ่งกลับมาที่ห้องโถง เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน “อริยะสวรรค์! ท่านเทพ! พวกท่านโปรดลงมือด้วยเถิด มิเช่นนั้นคงไม่สามารถทำลายค่ายกลได้!”
เทพมหาทัณฑ์ขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “ข้าเป็นเพียงร่างแยก ไม่มีพลังเท่าร่างต้น แต่จะไปดูกับพวกเจ้าก่อนสักรอบแล้วกัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...