หานเจวี๋ยเห็นข่าวนี้ ก็ถอนหายใจไม่หยุด
ซูฉีไม่ได้ยอมรับบิดาบุญธรรมเช่นหยางเทียนตง แต่ประมุขมารกลับช่วยเขาฆ่าล้างสำนักมารปีศาจ!
บางทีประมุขมารอาจจะกระหายเลือดเองอยู่แล้ว เพียงแค่ใช้ซูฉีเป็นข้ออ้าง
หานเจวี๋ยยังสังเกตเห็นว่าฉางเยวี่ยเอ๋อร์และนักพรตเต๋าจิ่วติ่งเองก็เผชิญกับการโจมตีเช่นกัน ดูท่าทางแล้วช่วงนี้ที่ต่างแดนก็ไม่ค่อยสงบสุขสักเท่าไร
“โชคดีที่ข้าไม่ได้ออกไป ไม่ว่าขอบเขตพลังจะสูงมากเพียงใด ก็โดนโจมตีได้ง่ายอยู่ดี”
หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งพญาอสรพิษหยก จูเชวี่ยและโม่โยวหลิง
หนึ่งคนเจ็ดวัน ใครก็ไม่ลำเอียง
……
เขตอุดร
ในอดีต สำนักมารปีศาจที่เคยเจริญรุ่งเรืองสุดขีดเสมือนดวงตะวันที่อยู่กลางท้องนภา กลับเผชิญกับการฆ่าสังหารจากผู้บำเพ็ญสายมารลึกลับ ทำลายทั้งสำนัก เรื่องนี้สั่นคลอนไปทั้งเขตอุดร เหล่าผู้บำเพ็ญล้วนอกสั่นขวัญแขวน
สำนักของสำนักมารปีศาจกลายเป็นซากปรักหักพัง ยามนี้มีคนผู้หนึ่งกำลังย่างกรายอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังอย่างช้าๆ
กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นซูฉี
หลังจากที่ประมุขมารจากไป ซูฉียังคงปิดด่านฝึกฝนมาโดยตลอด หลังจากทะลวงถึงระดับปราณก่อกำเนิดแล้ว เขาถึงหนีออกมาจากหุบเขาลึก กลับไปยังสำนักมารปีศาจ
ทว่า หลังจากกลับมาที่สำนักมารปีศาจแล้ว พวกศิษย์ที่ขัดหูขัดตาเขาในอดีตก็เริ่มพุ่งเป้ามาที่เขาอีกครั้ง เพราะทนไม่ไหวอีกต่อไปซูฉีจึงฆ่าสังหารศิษย์เหล่านั้น จนผู้อาวุโสของสำนักเดือดดาล กักขังเขาไว้ในคุกใต้ดินของสำนักมารปีศาจ ทุกวันถูกทรมาน
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ คุกใต้ดินพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหล่าศิษย์ที่เฝ้าอยู่ในคุกใต้ดินก็พากันจากไป ไม่หวนกลับมาอีก
ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ซูฉีรักษาอาการบาดเจ็บมาโดยตลอด บำรุงและฟื้นฟูตนเอง จวบกระทั่งวันนี้ เขาทำลายข้อห้ามที่สำนักมารปีศาจควบคุมตัวเขาไว้ และสามารถหลบหนีออกมาจากสำนักมารปีศาจ
ทันทีที่เขาออกมา ซูฉีก็ต้องตะลึงกับฉากตรงหน้า
หลายเดือนผ่านไป ซากศพของสำนักมารปีศาจไม่มีใครจัดการ ทั้งหมดล้วนเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเน่าเหม็น คราบเลือดนองทั่วพื้นดิน ทำให้ซูฉีคลื่นไส้อยากจะอาเจียน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ตายหมดเลยหรือ”
ซูฉีตกใจ กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง
ทันใดนั้นเขาก็พลันคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา
หรือจะเป็นฝีมือของอาจารย์?
แต่เหตุใดอาจารย์ถึงไม่ช่วยข้าออกมาจากจากคุกใต้ดิน
ช้าก่อน!
สำนักมารปีศาจล่มสลาย ข้าก็สามารถกลับไปได้แล้วมิใช่หรือ และเส้นทางกลับนั้นก็เป็นการทดสอบอีกสนามหนึ่ง!
มิน่าเล่าอาจารย์ถึงไม่ปรากฏตัว
หลังจากที่ซูฉีเข้าใจแล้ว ก็พลันเบิกบานใจขึ้นมาทันที
เขายังคงเดินสำรวจต่อไปท่ามกลางซากปรักหักพังของประตูใหญ่ของสำนักมารปีศาจ เพื่อดูว่ามีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่หรือไม่
หากมี แน่นอนว่าเขาจะช่วยซ้ำเติม
เขาก็เกลียดชังสำนักมารปีศาจจริงๆ
ตั้งแต่เข้าร่วมกับสำนักมารปีศาจ เขายังไม่ทันได้สร้างเรื่องอะไรก็ตกเป็นเป้าหมายสารพัด ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ในที่สุดวันนี้ก็สามารถหลุดพ้น
นึกมาถึงตรงนี้ กลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยเตะจมูกกลับทำให้ซูฉีรู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมหวน
เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป
ซูฉีบังเอิญพบชายชราผู้หนึ่ง หลังของเขางุ้มงอ เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม บนใบหน้าเองก็มีรอยคราบเลือดเป็นดวงๆ เขาคุกเข่าอยู่หน้าประตูสำนักมารปีศาจ สายตาว่างเปล่า
ทันทีที่เห็นเขา ซูฉีก็พลันได้สติขึ้นมา
คนของสำนักมารปีศาจ?
ดียิ่งนัก!
มือขวาของซูฉีไพล่ไว้ด้านหลัง ไอมารปรากฏกลางฝ่ามือ น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
เขาเดินไปทางชายชราผู้นั้น
ชายชราเหลือบสายตาขึ้นมองเขา ริมฝีปากที่แห้งผากค่อยๆ เผยอออก น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแหบแห้ง “เจ้า…ศิษย์ของสำนักมารปีศาจ?”
ซูฉีเอ่ยถาม “ท่านคือใคร”
ชายชราถอนหายใจเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยเป็นศิษย์ของสำนักมารปีศาจ แต่ถูกอาจารย์ขับไล่ออกจากสำนัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะทะลวงถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ได้สำเร็จ จึงอยากกลับมาดูก่อนที่จะบินขึ้นสวรรค์ แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งสำนักจะพินาศย่อยยับ ข้าขุดหามาหลายวันหลายคืน แต่ก็ยังไม่พบร่างของอาจารย์”
ระดับฝ่าด่านเคราะห์!
ซูฉีตกใจจนรีบร้อนบีบไอมารในฝ่ามือให้แตกสลาย
เกือบส่งตัวเองไปตายแล้ว!
……
หลังจากที่หานเจวี๋ยทราบข่าวการล่มสลายของสำนักมารปีศาจ ไม่ถึงสองเดือน สิงหงเสวียนก็กลับมา
ทันทีที่กลับมา นางก็ไปหาหานเจวี๋ย
ครั้งนี้ นางไม่มีสมบัติอะไรที่จะมอบให้หานเจวี๋ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...