ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 1039

บทที่ 1039 ดาวกำเนิดคำสาป

ขณะที่ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ตื่นตระหนกอยู่ หานฮวงไม่ได้ใส่ใจมากขนาดนั้น เขากำลังบีบอัดพลังยอดมหามรรคและพลังปฐมยุคของตนอยู่ ทำให้กายเนื้อหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว กลับมาอยู่ในสภาพร่างมนุษย์ธรรมดา

เขาชูสองมือขึ้นมา ปฐมยุคไร้สิ้นสูญสองสายรวมตัวขึ้นกลางฝ่ามืออีกครั้ง เขาพุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ด้วยความเร็วสูงสุด

“รนหาที่ตาย!”

ยอดมหามรรครายหนึ่งสังเกตเห็นความผิดปกติของปรมาจารย์หยั่งสวรรค์จึงเข้ามาขวางหานฮวงไว้ทันที

หานฮวงควบคุมปฐมยุคไร้สิ้นสูญให้พุ่งออกไป ยอดมหามรรคเซ่นสรวงตะเกียงโบราณดวงหนึ่ง แสงเจิดจ้าแผ่ออกมาจากตะเกียงโบราณ ผลคือถูกปฐมยุคไร้สิ้นสูญทำลายล้างทันที!

“จะเป็นไปได้อย่างไร!”

สีหน้ายอดมหามรรคแปรเปลี่ยนมหันต์ ยังไม่ทันได้เคลื่อนกายหลบหลีก ปฐมยุคไร้สิ้นสูญอีกสายหนึ่งของหานฮวงก็โจมตีเข้ามา สังหารเขาจนร่างสิ้นวิญญาณสลาย

หานฮวงปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ ปฐมยุคไร้สิ้นสูญสองวิถีโจมตีเข้าใส่ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์

ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์หลบเลี่ยงทันที ทำให้หานฮวงโจมตีใส่ความว่างเปล่า

ในเวลานี้ มหาเทพบรรพกาลร่างแล้วร่างเล่าเหาะออกมาจากแม่น้ำมหามรรคถาโถมเข้าใส่หานฮวงราวกับกองทัพมด

แสงเทพพลันสาดส่อง เปล่งประกายเจิดจ้าตัดสลับกัน มหาเทพบรรพกาลมากมายถูกหานฮวงทำลายล้าง

ยอดมหามรรคผู้ควบคุมแม่น้ำมหามรรคกัดฟันกรอด สำแดงพลังเวทอย่างต่อเนื่อง อัญเชิญมหาเทพบรรพกาลออกมาจากแม่น้ำมหามรรคมากกว่าเดิม

เมื่อจำนวนของมหาเทพบรรพกาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของยอดมหามรรครายนี้ก็ซูบเซียวผ่ายผอมลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ราวกับถูกสูบเลือดลมไปจนแห้งเหี่ยว

ไม่นานนักผิวกายเขาก็ยุ่ยสลายเป็นเถ้าธุลีดังกระดาษถูกเผา เหลืออยู่เพียงโครงกระดูกร่างหนึ่ง เขาไม่เหลือพลังพอจะอัญเชิญมหาเทพบรรพกาลอีกต่อไป ส่วนมหาเทพบรรพกาลที่สกัดขวางหานฮวงไว้ก็ถูกสังหารจนสิ้นแล้ว

มหาเทพบรรพกาลแข็งแกร่งมากจริงๆ พลังอำนาจนั้นเพียงพอที่จะสะกดยอดมหามรรคทั่วไปได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าปฐมยุคไร้สิ้นสูญก็ราวกับวิญญาณสามัญ ไม่อาจสู้ได้เลย

หานฮวงพุ่งเข้าโจมตีปรมาจารย์หยั่งสวรรค์อีกครั้ง เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “ข้าหลงนึกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมาก ไฉนจึงวิ่งพล่านไปทั่วเยี่ยงหนูเฒ่าเล่า”

ต่อให้ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์จะใจเย็นมากแค่ไหน ทว่าพอถูกยั่วโทสะก็โมโหขึ้นมาเช่นกัน สีหน้าเขาเย็นชาขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “รุ่นเยาว์ เจ้าโอหังเกินไปแล้ว!”

ครืน…

แสงเจิดจ้าสีขาวสองสายพลันพุ่งออกมาจากดวงตาของปรมาจารย์หยั่งสวรรค์ ถาโถมเข้าใส่หานฮวง

ท่ามกลางแสงจ้า หานฮวงใช้ปฐมยุคไร้สิ้นสูญสองสายตั้งไขว้กันไว้เบื้องหน้า สกัดต้านแสงนี้ได้อย่างสบายๆ ทำให้เกิดพื้นที่โล่งว่างท่ามกลางแสงเจิดจ้า

‘แข็งแกร่งเหลือเกิน!’

หานฮวงนึกในใจ เขาหมายถึงพลังที่ตนถือครองอยู่มิใช่พลังของปรมาจารย์หยั่งสวรรค์

เมื่อได้ครอบครองปฐมยุคไร้สิ้นสูญเขารู้สึกว่าตนทำได้ทุกสิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่ควรค่าพอให้เหลือบแลทั้งสิ้น!

เขาระเบิดเสียงหัวเราะบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้น รุกไล่เข้าใส่ปรมาจารย์หยั่งสวรรค์อีกครั้ง

อริยะมหามรรคมากมายพุ่งทะยานเข้ามาจากทั่วสารทิศ พยายามหยุดยั้งขัดขวาง ผลคือถูกปฐมยุคไร้สิ้นสูญตวัดฟาดฟันใส่ เมื่อปฐมยุคไร้สิ้นสูญกระทบร่างล้วนแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

หานเจวี๋ยที่อยู่ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามพูดไม่ออกเลย

ปฐมยุคไร้สิ้นสูญของผู้เฒ่าถูกเจ้าเด็กแสบใช้งานจนกลายเป็นเช่นนี้ ไร้ชั้นเชิงเกินไปแล้ว

แต่พอลองคิดดูก็ถูกแล้ว

ปฐมยุคไร้สิ้นสูญของเขามีไว้เพื่อสังหารศัตรูเป็นหลัก แต่สำหรับหานฮวงแล้วนับว่าเป็นพลังจากภายนอกจึงไม่ได้มีความเข้าใจมากขนาดนั้น

มองจากสถานการณ์ต่อสู้ ศึกนี้นับว่าหานฮวงคงมีชัยแน่นอน

ยกเว้นแต่มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญจะออกโรงด้วยตัวเอง

ศึกนี้น่าจะไม่ส่งผลไปถึงมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญ ถึงแม้หานฮวงจะเป็นผู้ชนะ แต่อริยะมหามรรคเหล่านั้นล้วนเหลือกลยุทธ์รักษาชีวิตเอาไว้ทั้งสิ้น ไม่มีทางลงสนามรบด้วยร่างจริงแน่นอน ต่อให้ใช้ร่างจริงก็คงแบ่งวิญญาณรักษาชีวิตไว้แล้ว

หากคิดจะเอาชีวิตอริยะมหามรรคสักคนอย่างแท้จริงยังคงยากเย็นยิ่งนัก

ส่วนใหญ่แล้วจะต้องใช้พลังวิเศษทำลายล้างบ่วงกรรมของอีกฝ่าย

แม้หนังสือแห่งความโชคร้ายจะไม่ปนเปื้อนบ่วงกรรม แต่คุณสมบัติพื้นฐานก็คือโจมตีบ่วงกรรม เพียงแต่บ่วงกรรมของมันอยู่ในระดับสูงยิ่งเหนือกว่าบ่วงกรรมปกติทั่วไป

หานเจวี๋ยย่อมไม่มีทางใช้หนังสือแห่งความโชคร้ายไปสาปแช่งศัตรูเหล่านั้นของหานฮวงให้ตาย

ออกมาเผชิญโลกต่างต้องงัดกลยุทธ์มาใช้ หากแพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้

ในเส้นทางที่หานฮวงก้าวเดินนี้ไม่ทราบว่าสร้างศัตรูคู่แข่งไว้มากมายเพียงใดแล้ว หานเจวี๋ยไหนเลยจะไล่สาปแช่งให้ตายทีละคนๆ ได้

ลำพังบุตรชายเพียงคนเดียวก็ยังมีถึงขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงบุตรธิดาคนอื่นๆ และเหล่าศิษย์สืบทอดเลย

หานเจวี๋ยรู้สึกอารมณ์ดีพลันนึกถึงสวรรค์ประทานโชคที่สะสมไว้

สมควรใช้ได้แล้วกระมัง

ข้างกายไม่มีผู้เยาว์อยู่ใกล้ชิดพอดี

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ