บทที่ 1040 เงามืดแห่งความเคียดแค้น
เจ็ดร้อยล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านปีหรือ
ซั่นเอ้อร์ได้ฟังก็ตะลึงงันไป นี่มันแนวคิดอันใดกัน เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลย
เขาสอบถามอย่างระมัดระวัง “เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดต้องจับข้ามา”
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ข้าน่ะหรือ ข้าคือปฐมบรรพชนของเจ้า เห็นว่าเจ้าน่าสงสารถึงได้รับตัวเจ้ามา”
ปฐมบรรพชน!
ซั่นเอ้อร์ตกใจรีบคุกเข่าลงโขกศีรษะให้ไม่หยุด
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “บรรพบุรุษของเจ้ามาจากตระกูลหานแห่งมรรคาสวรรค์ ฟ้าบุพกาลและผลาญนภาเชื่อมต่อกันได้หลายแสนปีแล้ว…”
เขาเริ่มเล่าประวัติความเป็นมาของบรรพบุรุษซั่นเอ้อร์ออกมา เดิมทีพอซั่นเอ้อร์ได้ยินคำว่าฟ้าบุพกาลดวงตาพลันฉายแววชิงชังคั่งแค้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเปลี่ยนเป็นตกตะลึงแทน
รอจนเขาได้ทราบความเป็นมาของตระกูลหาน ความรู้สึกของเขาก็ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม
ที่แท้บรรพบุรุษของเขาและศัตรูที่เขาเคียดแค้นล้วนมาจากสถานที่แห่งเดียวกัน หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้วก็นับว่าเป็นการสังหารด้วยความเข้าใจผิด เรื่องนี้ทำให้จิตใจเขาแตกสลาย
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้
เขารู้สึกว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับตนอยู่!
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “บ่วงกรรมในโลกล้วนเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องประสบเคราะห์กรรมในชีวิตทั้งสิ้น วันหน้าจงสงบใจฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายข้าเถิด ละวางความแค้นเสีย”
ซั่นเอ้อร์เงยหน้าขึ้น กันฟันเอ่ยออกมา “ไม่มีทาง! ข้าจะต้องล้างแค้นให้ได้ ข้าไม่สนใจเทือกเถาเหล่ากอบรรพบุรุษ ข้ารู้เพียงว่าคนผู้นั้นสังหารบิดามารดาข้า สักวันหนึ่งข้าจะสังหารเขาให้ได้!”
หานเจวี๋ยหัวเราะกล่าวไปว่า “เจ้าฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายข้า ข้าปิดด่านหนึ่งครายาวนานห้าล้านปี เมื่อเวลาห้าล้านปีผ่านพ้นไปเกรงว่าคนผู้นั้นคงตายไปแล้ว ต่อให้เจ้ากลับไปตอนนี้แล้วไปค้นหาเขาก็ไม่มีทางไปทันขีดจำกัดอายุขัยของเขา”
ซั่นเอ้อร์ตะลึงงัน
เรื่องนี้…
ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าไร้เหตุผล แต่สิ่งที่ปฐมบรรพชนพูดมาเป็นความจริง
ห่างไกลกันถึงเพียงนี้ ในช่วงเวลาเช่นนี้ การล้างแค้นว่างเปล่าสูญสิ้นความหมายไปแล้ว
แต่เขาไม่ยินยอมถอดใจ!
หานเจวี๋ยโบกแขนเสื้อ ชำระล้างร่างกายซั่นเอ้อร์ให้สะอาด จากนั้นก็เปลี่ยนชุดให้เป็นชุดนักพรตเต๋าที่สะอาดสะอ้านตัวหนึ่ง
สมกับเป็นเชื้อสายของเขา รูปโฉมหล่อเหลานัก
หานเจวี๋ยเสกเบาะกลมใบหนึ่งออกมาวางข้างกาย ทำท่าทางสื่อว่าให้ซั่นเอ้อร์นั่งลง
หานเจวี๋ยเริ่มถ่ายทอดเคล็ดฝึกบำเพ็ญให้ซั่นเอ้อร์
รอจนตบะของซั่นเอ้อร์ยกระดับไปถึงจุดหนึ่งที่สามารถสื่อสารได้โดยไร้พรมแดนภาษาแล้วค่อยแนะนำให้รู้จักกับเหล่าศิษย์ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
หานเจวี๋ยปิดด่านไปพลางแบ่งสมาธิมาคอยชี้แนะสั่งสอนซั่นเอ้อร์เป็นครั้งคราวไปด้วย
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
เดิมทีซั่นเอ้อร์คิดว่าที่หานเจวี๋ยบอกว่าปิดด่านห้าล้านปีเป็นเพียงการขู่ขวัญเขาเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าเป็นความจริง
หลังจากฝึกบำเพ็ญมาหลายสิบปี เขาทนความอ้างว้างไม่ไหวอยากจะออกไปข้างนอก ผลคือพบว่าจะทำอย่างไรตนก็ไม่สามารถผลักประตูใหญ่ให้เปิดออกได้ ยิ่งไม่สามารถใช้เวทวิชาอันใดหนีออกไปได้ด้วย
เขาจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญต่อไป
หลายพันปีต่อมา เขาลองใช้พลังวิเศษเคลื่อนย้ายประตูดูอีกครั้ง ผลคือถูกกระแทกเข้ากับผนัง
เมื่อเป็นเช่นนี้ซั่นเอ้อร์จึงเริ่มฝึกบำเพ็ญโดยตั้งเป้าไว้ที่การหลบหนี ก่อนค่อยๆ ลืมเลือนความเคียดแค้นไป
ทุกสิ่งล้วนสงบลงได้ด้วยกาลเวลา เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มองไม่เห็นความหวังใดๆ มีเพียงความอัตคัดลำเค็ญย่อมจะจดจำได้เพียงความเคียดแค้นชิงชัง แต่เมื่อชีวิตปกติสุขมองเห็นอนาคตที่สดใส เมื่อเทียบกันแล้วความเคียดแค้นย่อมเบาบางลงไปมาก แน่นอนว่าในวันที่เขาประสบความสำเร็จแค้นที่สมควรชำระก็ยังต้องไปชำระอยู่ดี
บุคลิกของซั่นเอ้อร์แปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ได้มืดมนเย็นชาเช่นแต่ก่อนแล้ว
เวลาผ่านไปไวดั่งสายน้ำ
ห้าล้านปีผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา
หานเจวี๋ยตื่นขึ้นมา แจ้งเตือนแถวแล้วแถวเล่าปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบแปดสิบล้านปีบริบูรณ์แล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไป]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...