ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 1040

สรุปบท บทที่ 1040 เงามืดแห่งความเคียดแค้น: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 1040 เงามืดแห่งความเคียดแค้น – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1040 เงามืดแห่งความเคียดแค้น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 1040 เงามืดแห่งความเคียดแค้น

เจ็ดร้อยล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านล้านปีหรือ

ซั่นเอ้อร์ได้ฟังก็ตะลึงงันไป นี่มันแนวคิดอันใดกัน เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลย

เขาสอบถามอย่างระมัดระวัง “เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดต้องจับข้ามา”

หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ข้าน่ะหรือ ข้าคือปฐมบรรพชนของเจ้า เห็นว่าเจ้าน่าสงสารถึงได้รับตัวเจ้ามา”

ปฐมบรรพชน!

ซั่นเอ้อร์ตกใจรีบคุกเข่าลงโขกศีรษะให้ไม่หยุด

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “บรรพบุรุษของเจ้ามาจากตระกูลหานแห่งมรรคาสวรรค์ ฟ้าบุพกาลและผลาญนภาเชื่อมต่อกันได้หลายแสนปีแล้ว…”

เขาเริ่มเล่าประวัติความเป็นมาของบรรพบุรุษซั่นเอ้อร์ออกมา เดิมทีพอซั่นเอ้อร์ได้ยินคำว่าฟ้าบุพกาลดวงตาพลันฉายแววชิงชังคั่งแค้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเปลี่ยนเป็นตกตะลึงแทน

รอจนเขาได้ทราบความเป็นมาของตระกูลหาน ความรู้สึกของเขาก็ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม

ที่แท้บรรพบุรุษของเขาและศัตรูที่เขาเคียดแค้นล้วนมาจากสถานที่แห่งเดียวกัน หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้วก็นับว่าเป็นการสังหารด้วยความเข้าใจผิด เรื่องนี้ทำให้จิตใจเขาแตกสลาย

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้

เขารู้สึกว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับตนอยู่!

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “บ่วงกรรมในโลกล้วนเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องประสบเคราะห์กรรมในชีวิตทั้งสิ้น วันหน้าจงสงบใจฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายข้าเถิด ละวางความแค้นเสีย”

ซั่นเอ้อร์เงยหน้าขึ้น กันฟันเอ่ยออกมา “ไม่มีทาง! ข้าจะต้องล้างแค้นให้ได้ ข้าไม่สนใจเทือกเถาเหล่ากอบรรพบุรุษ ข้ารู้เพียงว่าคนผู้นั้นสังหารบิดามารดาข้า สักวันหนึ่งข้าจะสังหารเขาให้ได้!”

หานเจวี๋ยหัวเราะกล่าวไปว่า “เจ้าฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายข้า ข้าปิดด่านหนึ่งครายาวนานห้าล้านปี เมื่อเวลาห้าล้านปีผ่านพ้นไปเกรงว่าคนผู้นั้นคงตายไปแล้ว ต่อให้เจ้ากลับไปตอนนี้แล้วไปค้นหาเขาก็ไม่มีทางไปทันขีดจำกัดอายุขัยของเขา”

ซั่นเอ้อร์ตะลึงงัน

เรื่องนี้…

ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าไร้เหตุผล แต่สิ่งที่ปฐมบรรพชนพูดมาเป็นความจริง

ห่างไกลกันถึงเพียงนี้ ในช่วงเวลาเช่นนี้ การล้างแค้นว่างเปล่าสูญสิ้นความหมายไปแล้ว

แต่เขาไม่ยินยอมถอดใจ!

หานเจวี๋ยโบกแขนเสื้อ ชำระล้างร่างกายซั่นเอ้อร์ให้สะอาด จากนั้นก็เปลี่ยนชุดให้เป็นชุดนักพรตเต๋าที่สะอาดสะอ้านตัวหนึ่ง

สมกับเป็นเชื้อสายของเขา รูปโฉมหล่อเหลานัก

หานเจวี๋ยเสกเบาะกลมใบหนึ่งออกมาวางข้างกาย ทำท่าทางสื่อว่าให้ซั่นเอ้อร์นั่งลง

หานเจวี๋ยเริ่มถ่ายทอดเคล็ดฝึกบำเพ็ญให้ซั่นเอ้อร์

รอจนตบะของซั่นเอ้อร์ยกระดับไปถึงจุดหนึ่งที่สามารถสื่อสารได้โดยไร้พรมแดนภาษาแล้วค่อยแนะนำให้รู้จักกับเหล่าศิษย์ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม

หานเจวี๋ยปิดด่านไปพลางแบ่งสมาธิมาคอยชี้แนะสั่งสอนซั่นเอ้อร์เป็นครั้งคราวไปด้วย

เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า

เดิมทีซั่นเอ้อร์คิดว่าที่หานเจวี๋ยบอกว่าปิดด่านห้าล้านปีเป็นเพียงการขู่ขวัญเขาเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าเป็นความจริง

หลังจากฝึกบำเพ็ญมาหลายสิบปี เขาทนความอ้างว้างไม่ไหวอยากจะออกไปข้างนอก ผลคือพบว่าจะทำอย่างไรตนก็ไม่สามารถผลักประตูใหญ่ให้เปิดออกได้ ยิ่งไม่สามารถใช้เวทวิชาอันใดหนีออกไปได้ด้วย

เขาจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญต่อไป

หลายพันปีต่อมา เขาลองใช้พลังวิเศษเคลื่อนย้ายประตูดูอีกครั้ง ผลคือถูกกระแทกเข้ากับผนัง

เมื่อเป็นเช่นนี้ซั่นเอ้อร์จึงเริ่มฝึกบำเพ็ญโดยตั้งเป้าไว้ที่การหลบหนี ก่อนค่อยๆ ลืมเลือนความเคียดแค้นไป

ทุกสิ่งล้วนสงบลงได้ด้วยกาลเวลา เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มองไม่เห็นความหวังใดๆ มีเพียงความอัตคัดลำเค็ญย่อมจะจดจำได้เพียงความเคียดแค้นชิงชัง แต่เมื่อชีวิตปกติสุขมองเห็นอนาคตที่สดใส เมื่อเทียบกันแล้วความเคียดแค้นย่อมเบาบางลงไปมาก แน่นอนว่าในวันที่เขาประสบความสำเร็จแค้นที่สมควรชำระก็ยังต้องไปชำระอยู่ดี

บุคลิกของซั่นเอ้อร์แปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ได้มืดมนเย็นชาเช่นแต่ก่อนแล้ว

เวลาผ่านไปไวดั่งสายน้ำ

ห้าล้านปีผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา

หานเจวี๋ยตื่นขึ้นมา แจ้งเตือนแถวแล้วแถวเล่าปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบแปดสิบล้านปีบริบูรณ์แล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไป]

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ล้วนเป็นปฐมบรรพชนหญิงของเจ้าทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว วันหน้าต้องปฏิบัติต่อพวกนางดั่งมารดาผู้ให้กำเนิด เข้าใจหรือไม่ หากว่าเสียมารยาทกับพวกนางระวังข้าจะมาจัดการเจ้า”

พอซั่นเอ้อร์ได้ยินความประหม่าในใจก็พลันสลายไป

ถึงแม้จะอยู่ร่วมกับหานเจวี๋ยมาห้าล้านปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เข้าใจอุปนิสัยของหานเจวี๋ยเลยจึงเต็มไปด้วยความห่างเหิน แต่หานเจวี๋ยในตอนนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่าเปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์

หลังจากนั้นหานเจวี๋ยพาซั่นเอ้อร์ไปที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองต่อ ไปพบเหล่าศิษย์สืบทอดคนอื่นๆ

หานเจวี๋ยทิ้งร่างแยกร่างหนึ่งไว้ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง หากว่ามีศิษย์ต้องการออกไปก็แจ้งต่อร่างแยกได้ตลอดเวลา ตอนนี้ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองเหลือศิษย์อยู่ครึ่งหนึ่ง

เมื่อไก่คุกรัตติกาลมองเห็นซั่นเอ้อร์ก็ตะโกนขึ้นมา “นายท่านมีบุตรชายอีกคนแล้ว!”

คนอื่นๆ พากันล้อมวงเข้ามาทันที

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ใช่บุตรชาย เป็นเชื้อสายรุ่นหลัง”

เขาแนะนำซั่นเอ้อร์อย่างเรียบง่าย หลังจากทราบชาติกำเนิดของซั่นเอ้อร์แล้ว เหล่าศิษย์สืบทอดล้วนรู้สึกเห็นใจซั่นเอ้อร์

“ผู้ที่สังหารบิดามารดาเจ้าเป็นใคร ถ่ายทอดรูปโฉมของเขาให้ข้า ข้าจะให้เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นออกตามล่าเขา” มู่หรงฉี่ถามขึ้นมา

ซั่นเอ้อร์อดมองไปที่หานเจวี๋ยไม่ได้

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “คนผู้นั้นดับสูญไปแล้ว เมื่อสามล้านปีก่อนขณะที่ออกกวาดล้างโลกขนาดใหญ่ใบอื่นในผลาญนภาเผชิญเข้ากับผู้ทรงพลัง ร่างสิ้นมรรคผลสลายไม่มีโอกาสได้กลับสู่วัฏสงสารอีก”

ทุกคนเงียบไป

ซั่นเอ้อร์เองก็เพิ่งได้ทราบข่าวนี้เป็นครั้งแรก เขาขมวดคิ้วแน่น

หลายวันต่อมา หานเจวี๋ยพาซั่นเอ้อร์แวะไปตามกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ของตน นับเป็นการบอกกล่าวเหล่าศิษย์สืบทอดให้ทราบ วันหน้าเมื่อพบเจอซั่นเอ้อร์จะได้ช่วยดูแลให้มากหน่อย

เหล่าศิษย์สืบทอดเคยชินกับธรรมเนียมนี้มานานแล้ว ย่อมเข้าใจว่าหานเจวี๋ยทำเช่นนี้มีจุดประสงค์ใด

เมื่อกลับมาถึงอารามเต๋า ซั่นเอ้อร์เงียบงันอยู่ตลอด

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ก่อนที่ข้าจะเคลื่อนย้ายเจ้าเข้ามาในอารามเต๋า พลังที่ตื่นขึ้นมาในร่างเจ้าก่อนหน้านั้นก็เป็นสิ่งที่ข้ามอบให้เจ้า มิใช่เพียงเจ้าเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าได้คัดเลือกเชื้อสายรุ่นหลังไว้หกคน มีทายาทที่ชะตากรรมน่าสังเวชกว่าเจ้าอยู่ด้วย แต่ก็ได้ก้าวพ้นจากเงามืดของความเคียดแค้นแล้ว ใช้ชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง”

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ