บทที่ 1070 ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาล
แม้สำนักเลิศนพวิถีจะระดมกำลังกันมาก็มิใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเลย!
ยามที่สำนักเลิศนพวิถีภายใต้การนำทัพของจ้าวซวงเฉวียนพ่ายแพ้ย่อยยับจนต้องหลบหนีไป สรรพสิ่งก็ได้เห็นผู้ไร้พ่ายคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
จักรพรรดิแห่งวังจักรพรดิมหาโชค!
สรรพสิ่งเพิ่งจะกระจ่างแจ้งในทันใดถึงเหตุผลที่หานฮวงเข้าร่วมกับวังจักรพรรดิมหาโชค ที่แท้วังจักรพรรดิมหาโชคก็มีตัวตนที่ทัดเทียมกับหานฮวงอยู่เช่นกัน หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
กองทหารจักรพรรดิสิบล้านนายทรงพลังยิ่งนัก ตระการตาเหลือเกิน สร้างภาพจำตราตรึงมิเสื่อมคลายไว้ในใจของผู้สังเกตการณ์ต่อสู้ทั้งหมด
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม เก้าเทวดาราและซั่นเอ้อร์เดินออกมาจาอารามเต๋า ไปพูดคุยวิจารณ์กันด้านนอกด้วยเกรงว่าจะรบกวนหานเจวี๋ย
“ท่านผู้นั้นก็คือบรรพชนหานหลิงหรือ ร้ายกายจริงๆ”
“ตระกูลหานของข้าแข็งแกร่งเหลือเกิน พวกเราจะล้าหลังไปไม่ได้แล้ว”
“หานฮวง หานหลิง หานเย่ ยังมีหานทั่ว หานเหยา หานป้าเสินด้วย จุ๊ๆ บรรพชนเหล่านี้ล้วนเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงก้องฟ้าบุพกาลทั้งสิ้น ไม่ทราบเช่นกันว่าพวกเราจะได้ฝ่าฟันสร้างชื่อเสียงของตนขึ้นยามใด”
“ตั้งใจฝึกบำเพ็ญดีๆ เถอะ ท่านปฐมบรรพชนคาดหวังในตัวพวกเราสูงมาก มิเช่นนั้นคงไม่รับพวกเรามาฝึกบำเพ็ญข้างกายหรอก”
“บรรพชนหานฮวงออกไปตอนไหนหรือ”
“ภายในวังจักรพรรดิมหาโชคยังมีเชื้อสายตระกูลหานอีกมากน้อยเพียงใดกัน”
เหล่าเชื้อสายพากันพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ แม้แต่เหล่าศิษย์ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามก็ล้อมวงเข้ามาร่วมวิจารณ์อย่างได้อรรถรสด้วย
ถึงแม้เหล่าศิษย์ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ใช้ชีวิตอยู่นานไปตามวันเวลา พวกเขาต่างชมชอบสอดส่องฟ้าบุพกาล สิ่งที่ประสบยลยินมาล้วนเหนือกว่าเทวดารามาก ดังนั้นจึงทำให้เก้าเทวาดารายังคงรับฟังคำพูดของพวกเขาอย่างตั้งใจยิ่ง
หลังจากสำนักเลิศนพวิถีพ่ายแพ้วังจักรพรรดิมหาโชคก็ไม่ได้ยอมพ่ายแพ้ไปเช่นนี้ กลับขยายแผนการร่วมถึงวางแผนจัดการโดยมีวังจักรพรรดิมหาโชคเป็นเป้าหมาย
หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ในสภาวะฝึกบำเพ็ญ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย
การต่อสู้ระหว่างจ้าวซวงเฉวียนและหานหลิง เป็นการต่อสู้ของชนรุ่นหลัง ขอเพียงเจ้านวฟ้าบุพกาลไม่สอดมือแทรกแซงเขาก็ไม่มีทางเข้าไปยุ่ง
หานเจวี๋ยเป็นผู้สร้างมรรคาระยะปลายแล้ว อาจจะยังสังหารเจ้านวฟ้าบุพกาลไม่ได้ แต่หากสู้กันจริงๆ ขึ้นมา เขาไม่มีทางเป็นรองเจ้านวฟ้าบุพกาล
เขาเพียงกลัวความยุ่งยากเท่านั้น
….
ณ ชายขอบฟ้าบุพกาล หลี่เต้าคงเหยียบกระบี่ยาวเล่มหนึ่งเหาะตัดผ่านห้วงอวกาศเข้ามา
ด้านหน้าเต็มไปด้วยความมืดมิด ขยับยุ่บยั่บอยู่ตลอด น่าหวาดหวั่นสยดสยอง
เมื่อเพ่งมองให้ดี กลุ่มก้อนสีดำมืดมิดนั้นเกิดจากการรวมตัวของมารร้ายนับไม่ถ้วน มารร้ายเหล่านี้มีสีดำสนิท สภาพร่างกายแตกต่างกันไป นอกจากสีดำสนิทแล้วมีอีกเพียงจุดเดียวที่เหมือนกันก็คือดวงตาสีเขียว
“หนักหนาเพียงนี้แล้วหรือ…”
หลี่เต้าคงพึมพำกับตัวเอง ขมวดคิ้วแน่น
เขาเพ่งสายตาเล็กน้อย ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากดวงตา ดูราวกับกระแสการเวลาที่เข้าท่วมทับมารร้ายนับไม่ถ้วน มุ่งหมายพิฆาตกลุ่มก้อนมารร้ายเหล่านี้ให้สิ้นซาก
หลังจากปราณกระบี่สลายไปแล้ว มารร้ายเหล่านั้นก็ไม่คงอยู่อีกต่อไป
หลี่เต้าคงหันหลังกลับเตรียมจะจากไป ในเวลานี้เอง เขาพลันสังเกตเห็นว่ามีมารร้ายนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกมาจากส่วนลึกของห้วงอวกาศอีกครั้ง ห้วงมิติรอบข้างบังเกิดรอยแตกร้าว มารร้ายร่างใหญ่โตมโหฬารร่างแล้วร่างเล่าคืบคลานออกมา
ชั่วพริบตานั้นหลี่เต้าคงถูกปิดล้อมไว้แล้ว
เมื่อทอดสายตามองออกไปทุกสารทิศรวมถึงด้านบนเหนือศีรษะเขาและด้านล่างปลายเท้าล้วนมีเงาร่างของมารร้ายปรากฏกายขึ้น ทำให้ห้วงอวกาศแห่งนี้กลายเป็นฉากของนรกในทันใด
หลี่เต้าคงขมวดคิ้ว ดวงตาสีเขียวนับไม่ถ้วนมองมาที่ตัวเขา ทว่าไม่ได้ทำให้เขาตระหนกลนลานเลย
‘นี่เป็นเพียงมุมหนึ่งในฟ้าบุพกาลเท่านั้น หากมารร้ายทั้งฟ้าบุพกาลมารวมตัวกันจะต้องกลายเป็นเภทภัยแน่นอน’
หลี่เต้าคงคิดเงียบๆ ในเวลานี้เอง มารร้ายทั่วสารทิศคำรามจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็วสุดขีด เสมือนเงาดำมากมายนับไม่ถ้วน
ฉากต่อสู้ยิ่งใหญ่ปะทุขึ้นในชั่วพริบตา!
นี่เป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพรวมของฟ้าบุพกาลเท่านั้น ขณะที่กลุ่มอิทธิพลในแถบศูนย์กลางกำลังต่อสู้แก่งแย่งกับโลกมหามรรคอื่นๆ อยู่ กลุ่มอิทธิพลในเขตชายขอบก็กำลังเผชิญการรุกรานจากมารร้าย
มารร้ายเหล่านี้แตกต่างจากมารร้ายที่พวกเขารู้จัก พลังมหามรรคไม่สามารถทำอันตรายพวกมันได้ ต้องใช้แค่พลังเวทเท่านั้น ตบะของฝ่ายมารร้ายก็กล้าแกร่งนัก สิ่งมีชีวิตธรรมดาสู้พวกมันไม่ได้เลย
หลายล้านปีต่อมา จำนวนมารร้ายในฟ้าบุพกาลไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้น ซ้ำยังระเบิดพลังออกมาอย่างมิอาจจัดการให้สิ้นซากได้ อันตรายเข้าปกคลุมทั่วฟ้าบุพกาล ไม่เพียงแต่ฟ้าบุพกาลเท่านั้น ผลาญนภา พ้นนิวรณ์และอวิชชาก็มีมารร้ายปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน จำนวนทะลุถึงจุดที่ไม่อาจควบคุมได้แล้ว ทำให้กลุ่มอิทธิพลต่างๆ จำเป็นต้องหยุดแย่งชิงอำนาจกัน
….
[เจ้านวฟ้าบุพกาลเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่มองเห็นแจ้งเตือนนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้าก็ตกใจขึ้นมา
เขารีบถามในใจ ‘เจ้านวฟ้าบุพกาลแน่ใจแล้วหรือว่าข้าคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...