บทที่ 1088 ทะลวงขั้น ระยะสมบูรณ์!
ห้าวันต่อมา อายุของหานเจวี๋ยเริ่มลดลง
เช่นเดียวกับที่ผ่านๆ มา หานเจวี๋ยสาปแช่งเจ้านวฟ้าบุพกาลจนพลังมรรคเสียหายถึงได้หยุดลง
ฟ้าบุพกาลเกิดรอยแตกร้าว มารร้ายจำนวนมากถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง
หลายหมื่นปีต่อมา โลกปฐมยุคก็ปรากฏสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน เกิดรอยแตกร้าวในห้วงมิติมากมาย มารร้ายบางส่วนที่ไม่เคยพบเห็นถือกำเนิดขึ้นมา ก่อให้เกิดภัยพิบัติต่อสรรพสิ่งโลกปฐมยุค
นี่เป็นความตั้งใจของหานเจวี๋ยเอง ทำเหมือนตัวเขาเองก็ถูกสาปแช่งจนเกิดปัญหาเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่หากทำเช่นนี้แล้วจะมีสิ่งมีชีวิตตายไปมากน้อยเพียงใด เขาไม่ได้สนใจ
สุดท้ายแล้วโลกปฐมยุคก็ยังต้องเผชิญเคราะห์กรรมของตนเอง เคราะห์นี้ก็แค่มาถึงก่อนกำหนดเท่านั้น
ในมุมของหานเจวี๋ย ความเป็นความตายของสิ่งมีชีวิตในโลกปฐมยุคไม่ส่งผลกระทบต่อเขา เว้นแต่สรรพสิ่งทั้งหมดจะเผชิญเคราะห์ล่มสลายไปหมด
พอจัดการทุกอย่างนี้เสร็จ หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ มุ่งหน้าทะลวงขั้น
เรื่องที่เจ้านวฟ้าบุพกาลถูกสาปแช่งนอกจากหานเจวี๋ยแล้วไม่มีผู้ใดทราบอีก เจ้านวฟ้าบุพกาลก็ไม่ได้ไปหาผู้สร้างมรรคารายอื่น
ถึงแม้ฟ้าบุพกาลจะคึกคัก แต่ดินแดนเวิ้งว้างกลับเงียบเหงาอย่างน่าประหลาด
….
ภายในมิติมืดดำลึกลับ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยืนอยู่เบื้องหน้ามหาเทวาพ้นนิวรณ์ เขาก้มหน้าต่ำไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยขึ้นว่า “เตรียมตัวพร้อมหรือยัง”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตอบว่า “เราเตรียมตัวพร้อมแล้ว ต่อให้ต้องตายเราก็ไม่เสียใจภายหลัง”
“หากว่าทำสำเร็จ เจ้าไม่เพียงแต่จะพิสูจน์ยอดมหามรรคสำเร็จ ยังจะได้บุกเบิกโลกมหามรรคของตนขึ้นด้วย นี่คือสิ่งที่จะช่วยปูทางให้อนาคตของเจ้ามั่นคงขึ้น จำเอาไว้ ไม่ว่าจะเห็นอะไรหรือเผชิญหน้ากับสิ่งใด แม้แต่ความรู้สึกจากกายเนื้อของเจ้าก็เป็นของปลอมทั้งสิ้น จงยึดมั่นในปณิธาน”
“เราเข้าใจแล้ว”
พอสิ้นเสียงของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ลำแสงสายหนึ่งพุ่งดิ่งลงมาก่อนร่วงลงบนร่างของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย กายเนื้อของเขาแหลกลาญไปในชั่วพริบตา วิญญาณเขาคุกเข่าอยู่ท่ามกลางลำแสง เจ็บปวดทรมานตัวสั่นเทา
ไม่มีเสียงโอดครวญหรือร้องโหยหวนใดๆ แต่มองจากวิญญาณเขาที่ดิ้นทุรนทุรายก็รู้แล้วว่าทุกข์ทรมานเพียงใด
ในเวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายมหาเทวาพ้นนิวรณ์ เป็นรูปสลักหินร่างมนุษย์ชิ้นหนึ่ง รูปลักษณ์องอาจกำยำ ดูคล้ายสวมเกราะศึกไว้ มีปีกศิลาใหญ่พิสดารคู่หนึ่งงอกอยู่บนแผ่นหลัง
“พระบิดา ท่านเชื่อใจเขาจริงๆ หรือ”
รูปสลักหินถาม น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ยิ่ง
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ตอบว่า “เชื่อและมีความคาดหวัง”
“เพราะเหตุใด”
“เพราะข้าเฝ้ามองเขาเติบใหญ่มา อีกทั้งตัวเขาก็มีคุณประโยชน์ในแง่อื่นด้วย”
“คุณประโยชน์ใด”
“เจ้ายังไม่จำเป็นต้องรู้”
“พระบิดา ยามนี้โลกมหามรรคต่างล้วนกำลังต่อสู้แก่งแย่ง แต่พ้นนิวรณ์ของเรากลับเป็นหินรองเท้าให้แก่สิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาล เช่นนี้จะดีจริงๆ หรือขอรับ ท่านถนอมเอ็นดูบุตรแห่งสวรรค์จากฟ้าบุพกาลยิ่งกว่าสรรพสิ่งในพ้นนิวรณ์เสียอีก!”
“ตัวเจ้าสู้ไม่ได้แม้แต่ดวงจิตนพชาติด้วยซ้ำ ไหนเลยจะพูดถึงความรับผิดชอบต่อสรรพสิ่งได้”
“ข้า…”
รูปสลักหินร้อนรน ทว่าไม่อาจโต้แย้งได้
“ข้าจะมอบภารกิจอย่างหนึ่งให้เจ้า หากว่าทำสำเร็จ ข้าจะพิจารณาดูอีกครั้ง”
“ภารกิจใดขอรับ”
“แทรกซึมเข้าสู่สำนักเลิศนพวิถี สืบหาตัวตนที่แท้จริงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”
“ขอรับ!”
รูปสลักหินตอบรับแล้วเลือนหายไปทันที
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ทอดสายตามองจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายอีกครั้ง เฝ้ารออย่างสงบ
….
ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม ภายในอารามเต๋า
[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุครบสามร้อยล้านปีบริบูรณ์ ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกจากปิดด่านทันที กลืนกินโลกมหามรรคแห่งอื่นๆ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับความสามารถของระบบหนึ่งครั้ง]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ รักษาปณิธานเดิม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับความสามารถของระบบหนึ่งครั้ง]
[ท่านได้รับสวรรค์ประทานโชคหนึ่งครั้ง]
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สีหน้าหงุดหงิด
เขาล้มเหลวแล้ว ไม่สามารถทะลวงขั้นได้ตามเวลาที่กำหนดไว้
น่าชังนัก ล่าช้าไปสิบล้านปีเท่านั้น
เขาใกล้จะทะลวงขั้นได้แล้ว!
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างเงียบเชียบ
[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับความสามารถของระบบหนึ่งครั้ง]
[โปรดเลือกความสามารถระบบที่ต้องการยกระดับ]
หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนตรงหน้า คัดเลือกเงียบๆ
[เริ่มยกระดับความสามารถวิวัฒนาการ]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...