บทที่ 1128 เส้นทางของมนุษย์ที่บำเพ็ญเซียน
เมื่อเห็นฉู่เสี่ยวชียิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย หานเจวี๋ยก็เปิดปากถาม “เช่นนั้นเจ้ายินดีจะแต่งกับเสี่ยวฮวาหรือไม่”
เด็กหนุ่มก็ไม่ต่างไปจากเด็กสาว มักจะอยู่ในห้วงรัก นับเป็นเรื่องปกติ
ฉู่เสี่ยวชีเกาหัว เอ่ยว่า “หากแต่งภรรยาแล้วจะบำเพ็ญเซียนได้อย่างไร วันหน้าข้าก็ต้องชักนำให้นางบำเพ็ญไปด้วยกันมิใช่หรือ หากว่าคุณสมบัติของนางใช้ไม่ได้ อาจจะฉุดรั้งข้าให้ล้าหลังลงด้วยซ้ำ ทำให้ข้าเสียสมาธิ ไม่เอาดีกว่า ข้าไม่แต่งภรรยาแล้ว โลกนี้มีโฉมงามอีกมากนัก”
หานเจวี๋ยหัวเราะฮ่าๆ “เจ้าชอบแค่รูปโฉมของอีกฝ่ายอย่างนั้นหรือ”
“เหลวไหล ข้าไม่ได้อยู่ร่วมกับพวกนางสักเท่าไร จะให้เกิดรักแท้ได้อย่างไรขอรับ บนโลกนี้ไหนเลยจะมีรักแรกพบอยู่จริง”
“เจ้ามีความสุขก็พอแล้ว”
“ท่านปู่ สมัยก่อนท่านแต่งภรรยาอย่างไรขอรับ”
ฉู่เสี่ยวชีนั่งข้างกายหานเจวี๋ย ถามด้วยความอยากรู้
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ปีนั้นข้าเป็นทาสรับใช้ในสวนโอสถนอกสำนักบำเพ็ญแห่งหนึ่ง บังเอิญพบกับผู้บำเพ็ญหญิง…”
เขาเล่าเรื่องราวระหว่างตนกับสิงหงเสวียนออกมา สิงหงเสวียนทำหน้าที่เป็นสายลับ ทว่าบังเอิญพบหานเจวี๋ยเข้า เกิดรักแรกพบกับหานเจวี๋ย จากนั้นก็ตามตื๊อไม่เลิกรา ระหว่างที่หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญ นางมอบของล้ำค่าให้หลายต่อหลายครั้ง เรื่องราวนี้ทำให้ฉู่เสี่ยวชีเพ้อฝันขึ้นมา
ปกติได้ยินแต่บุรุษตามเกี้ยวสตรี แต่สตรีตามเกี้ยวบุรุษกลับมีน้อยนัก
เขาอดไม่ได้ที่จะมองหน้าหานเจวี๋ย รูปโฉมเช่นนี้ ดึงดูดให้สาวๆ มาชมชอบโดยแท้ แม้แต่พี่สาวทั้งสองของเขาก็ล้วนแอบสอบถามเรื่องราวของหานเจวี๋ยจากเขา
ฉู๋เสี่ยวชีพลันตบมือ ตื่นตัวขึ้นมาทันที เอ่ยขึ้นว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว วันหน้าข้าจะไม่แต่งภรรยาง่ายๆ ข้าจะให้เหล่าโฉมงามเป็นฝ่ายตามเกี้ยวพาข้า ผู้ใดแสดงความจริงใจให้เห็นที่สุด ข้าก็จะแต่งกับคนนั้น!”
หานเจวี๋ยรู้สึกขบขัน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยขัดฝันฉู่เสี่ยวชี
เรื่องในอนาคต ผู้ใดจะบอกได้แน่ชัดเล่า
หานเจวี๋ยสอดส่องอนาคตได้ แต่เขาจะไม่ไปสอดส่องง่ายๆ ทำเช่นนั้นก็หมดสนุกกันพอดี เขาเพียงต้องระมัดระวังเอาไว้ ตื่นตัวกับอนาคตภายภาคหน้า ขอเพียงในอนาคตปรากฏสัญญาณว่าจะคุกคามมาถึงเขา เขาถึงจะสอดส่องอนาคตดู ด้วยฐานะเทพผู้สร้างทำให้เขามีพลังหยั่งรู้ได้
แน่นอนว่าบางครั้งก็ต้องหาเวลาทำนายดวงชะตาดูบ้าง
“ท่านปู่ ท่านไม่อยากรู้หรือพี่ชายอีกคนของข้าไปไหน” ฉู่เสี่ยวชีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ครอบครัวในปัจจุบันนี้นอกจากฉู่เสี่ยวชีแล้ว มีพี่สาวสองคนกับพี่ชายอีกสามคน ขาดไปหนึ่งคน
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “อยากเล่าก็เล่ามาเถอะ”
ฉู่เสี่ยวชีหัวเราะแหะๆ แล้วเล่าให้ฟัง “ที่ข้าอยากบำเพ็ญเซียนความจริงแล้วมีสาเหตุมาจากพี่ใหญ่ของข้า ตั้งแต่เล็กข้าก็ไม่เคยพบเขาเลย เขาก็ออกจากบ้านไปแสวงเส้นทางเซียนตั้งแต่เด็กเช่นกันจากนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย หลายปีก่อนเขาส่งข่าวกลับมา บอกว่าเข้าร่วมลัทธิอันธการ พวกเราล้วนคิดว่าเขาโกหก”
ลัทธิอนธการ…
พอได้ยินชื่อนี้ หานเจวี๋ยกลับมิได้แปลกใจเลย
หลังสิ้นสุดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ ลัทธิอันธการล่มสลายเริ่มกระจายกันออกไป เหล่าผู้สร้างมรรคามิได้สังหารล้างบางลัทธิอันธการ เนื่องจากหานเจวี๋ยเคยบอกมหาเทวาพ้นนิวรณ์เอาไว้ว่ามีขาวก็ต้องมีดำ สังหารลัทธิอันธการไปก็จะปรากฏกลุ่มอำนาจอื่นขึ้นอยู่ดี ไม่สู้เก็บที่เหลือไว้ไว้ดีกว่า ใช้ปูทางสำหรับมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ในวันหน้า
แทนที่จะคัดเลือกจากศิษย์สำนักต่างๆ ไม่สู้ปล่อยให้ทายาทรุ่นหลังของฝ่ายชั่วร้ายสืบสานความชั่วต่อไปดีกว่า
แน่นอน โดยพื้นฐานแล้วหานเจวี๋ยยังคงทำไปเพื่อพวกสือตู๋เต้าและจิ่งเทียนกง มหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็คิดว่ามีเหตุผลเช่นกัน
ผู้ทรงพลังส่วนใหญ่ในลัทธิอันธการถูกเข่นฆ่า มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่เกี่ยวกับหานเจวี๋ยที่รอดมาได้
หากว่ากันในมุมนี้แล้วหานเจวี๋ยเห็นแก่ตัวนัก
แต่เห็นแก่ตัวแล้วอย่างไรเล่า
เขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุด เขาตัดสินทุกสิ่งได้ ผู้ใดจะมีคุณสมบัติมาวิจารณ์เขาเล่า
ถูกผิดดีชั่วเป็นเพียงกฎที่ตั้งไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชนชั้นในระดับเดียวกันเท่านั้น
ฉู่เสี่ยวชีเล่าเรื่องเกี่ยวกับพี่ใหญ่ให้หานเจวี๋ยฟังอยู่พักใหญ่ จวบจนดึกดื่นถึงได้จากไป
เวลาผ่านไประยะหนึ่ง ฉู่เสี่ยวชียังคงโดดเด่นนัก ถึงขั้นที่ไม่มีเวลาฝึกบำเพ็ญเลย หากไม่ไปช่วยเหล่าพรานสังหารสัตว์ร้ายหรือภูตพรายก็จะไปช่วยสอนเด็กๆ ในตำบลฝึกบำเพ็ญ
หานเจวี๋ยไม่ได้ขัดขวาง บางครั้งเขาก็ออกไปเดินเล่นเช่นกัน ช่วงแรกชาวบ้านยังคงตกตะลึงกับรูปโฉมของเขาอยู่ นานวันเข้าก็เคยชินไป
พริบตาเดียวก็ล่วงเลยมาครึ่งปีแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...