บทที่ 1143 สถานที่ที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน
นับจากมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่สิ้นสุดลง ถึงแม้หานฮวงจะได้รับมหาโชคอย่างมหาศาล แต่เขากลับพบว่าตบะของตนยากจะก้าวหน้าได้ ราวกับตนบรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่เขาคือเทพมารอนธการ ไหนเลยจะมีขีดจำกัดได้
หรือผู้สร้างมรรคาเหล่านั้นมีคุณสมบัติเลิศล้ำกว่าเขากันเล่า
เป็นไปไม่ได้!
หานฮวงจมอยู่ในภวังค์ความคิด หรือตนสังหารก่อกรรมมากเกินไป เป็นเหตุให้อนธการไม่สามารถวิวัฒนาการได้
แต่เขาเคยสังเกตโลกมหามรรคแห่งอื่น นอกจากโลกมหามรรคของผู้สร้างมรรคา โลกมหามรรคแห่งอื่นๆ ก็ยังไม่สามารถก่อกำเนิดกฎเกณฑ์สูงสุดได้เช่นกัน กล่าวก็คือ ตอนนี้ตัวตนในระดับยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ล้วนเผชิญชะตากรรมเดียวกัน
จากโลกมหามรรคจำลองสู่โลกมหามรรคขนานแท้ กระบวนการนี้ยากเย็นอย่างยิ่ง!
เหล่าผู้สร้างมรรคาก็ไม่ได้ให้คำชี้แนะแก่บรรดายอดมหามรรค แม้จะเป็นคนกันเองที่ไปสอบถาม พวกเขาก็จะตอบเพียงว่า เส้นทางพิสูจน์ผู้สร้างแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โลกมหามรรคจะมั่นคงเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับการสรรค์สร้างส่วนบุคคล
ในขณะที่หานฮวงกำลังหงุดหงิดอยู่ มีเสียงฝีเท้าแว่วออกมาจากความมืดด้านข้าง
มองเห็นเงาร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมา
หานฮวงไม่แปลกใจเลย ถึงขั้นที่ไม่หันไปมองด้วยซ้ำ
เงาร่างนั้นเป็นสีดำมืดทั้งตัว รูปร่างคล้ายมนุษย์ บนหน้าปรากฏดวงตาที่มีลูกตาดำตัดกับพื้นตาสีแดง ดูชั่วร้ายมืดมน
“อยากก่อสร้างโลกมหามรรคให้มั่นคงจำเป็นต้องใช้เวลา ฟ้าบุพกาลวิวัฒนาการมานานเพียงใดกันเล่า แล้วอนธการของเจ้าเพิ่งอยู่มานานเพียงใดกัน”
เงาดำเนตรแดงเอ่ยกลั้วหัวเราะ น้ำเสียงเจือแววเย้ยหยันนิดๆ
หานฮวงแค่นเสียง “ข้ารู้ดี แต่ถึงจำเป็นต้องใช้เวลา อย่างน้อยก็ควรรับรู้ถึงความคืบหน้าได้บ้างกระมัง”
เงาดำเนตรแดงเอ่ยว่า “ปัจจุบันนี้มีผู้สร้างมรรคาทั้งหมดห้าตน บิดาเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น ไยไม่ไปขอคำชี้แนะจากเขาเล่า”
หานฮวงถอนหายใจ “จะมีหน้าไปหาเขาอีกได้อย่างไร”
เขาไม่ใช่ฉู่เสี่ยวชี เขาแข็งแกร่งแต่กำเนิด เมื่อครอบครองพรสวรรค์อันเลิศล้ำไว้ เขาจึงไม่พึ่งพาหานเจวี๋ย อีกทั้งพยายามจะไม่พึ่งพาหานเจวี๋ยด้วย
เงาดำเนตรแดงเอ่ยเยาะหยัน “เสแสร้งจริงเชียว กายาเจ้าถือกำเนิดจากบิดามารดา อีกทั้งได้รับความช่วยเหลือจากบิดาเจ้ามาหลายต่อหลายครั้ง เจ้าคิดว่าพึ่งพาตัวเองได้จริงๆ น่ะหรือ ตัวเจ้านั้นนับแต่ย่างก้าวแรกทั้งหมดทั้งมวลล้วนพึ่งพาบิดาของเจ้ามาตลอด ยังไม่กล้ายอมรับความจริงอีก บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าไม่อาจประสบความสำเร็จได้”
พอหานฮวงได้ฟังก็มีสีหน้าน่าเกลียดขึ้นมาทันที แต่เขาไม่ได้แสดงความโกรธเคืองเลย
เงาดำเนตรแดงเอ่ยถากถางต่อ “ตอนนี้มีเทพมารอนธการสามตน สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนต่างเป็นเทพมารอนธการเช่นกัน คุณสมบัติของเจ้าไม่ได้อยู่ในจุดที่เป็นหนึ่งมิมีสองแล้ว ละวางความเย่อหยิ่งลงเสียเถอะ”
“ละวางความเย่อหยิ่งแล้วอย่างไรเล่า หากท่านพ่อสามารถชี้แนะเส้นทางแห่งผู้สร้างมรรคาให้ได้ สำนักซ่อนเร้นคงมีผู้สร้างมรรคารายที่สองไปนานแล้ว ผู้สร้างมรรคารายอื่นเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
“พวกเขาอาจจะไม่ต้องการให้ผู้อื่นบรรลุเป็นผู้สร้างมรรคาได้ ต่อให้เป็นคนกันเองก็ตาม เนื่องจากผู้สร้างมรรคาอยู่สูงสุดไร้เบื้องบน ทั้งยังมีจำนวนน้อยยิ่ง”
หานฮวงเงียบงัน เงาดำเนตรแดงก็ไม่พูดมากอีก ถอยกลับเข้าสู่ความมืด
ภายในตำหนักเงียบวังเวง
หานฮวงค่อยๆ ลุกขึ้นมา ดวงตาฉายแววลุ่มลึก พึมพำว่า “บางทีข้าควรจะไปสอบถามดูจริงๆ”
จากนั้นเขาก็เลือนหายไปจากตำหนัก
หลายวันต่อมา หานเจวี๋ยปล่อยให้หานฮวงเข้าพบ
หานฮวงสอบถามถึงวิถีพิสูจน์ผู้สร้างมรรคา หานเจวี๋ยก็ไม่พูดไร้สาระเลย เทศนาธรรมให้ทันที ถ่ายทอดประสบการพิสูจน์ผู้สร้างของตนออกมา กับผู้เป็นบุตรชายหานเจวี๋ยไม่มีทางอมภูมิแน่นอน
แต่เส้นทางพิสูจน์ผู้สร้างมรรคายากเย็นเข็ญใจสุดขีด ถึงจะทราบว่าต้องสร้างโลกมหามรรคอย่างไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงอย่างไรโลกมหามรรคทุกใบก็แตกต่างกัน หากอยากพิสูจน์ผู้สร้างก็ต้องพึ่งพาคุณสมบัติหรือไม่ก็ความเข้าใจ
ตัวหานเจวี๋ยพึ่งพาคุณสมบัติ ใช้คุณสมบัติแห่งเทพมารปฐมยุคพิสูจน์ผู้สร้าง จึงไม่ยากนัก
แต่ในส่วนนี้เขาไม่อาจบอกต่อหานฮวงได้
ผ่านไปเนิ่นนาน รอจนหานเจวี๋ยเทศนาธรรมจบ หานฮวงรู้แจ้งขึ้นมา เขารีบคารวะต่อหานเจวี๋ยแสดงคามขอบคุณตื้นตัน
สองพ่อลูกไม่ได้พูดคุยกันอีก หานฮวงลาจากไป
พอเห็นท่าทางตื่นเต้นของหานฮวง หานเจวี๋ยอดส่ายหัวไม่ได้
หากเด็กคนนี้ทำไม่สำเร็จ มิใช่ว่าจะมาโทษข้ากระมัง
หานเจวี๋ยมองออกว่าหานฮวงเกิดจิตมารแล้ว ซ้ำเด็กคนนี้ยังสร้างจิตมารให้กลายเป็นร่างแยกด้วย มักจะสนทนาโต้ตอบกันอยู่เสมอ ที่หานฮวงมาในครานี้ก็เพราะจิตมารเอ่ยโน้มน้าว
โศกนาฏกรรมพ่อลูกเป็นศัตรูก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...