บทที่ 1142 เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เป็นศิษย์หรือ
ฉู่เสี่ยวชีผงะไป ไม่อยากจะเชื่อหูตน
เรื่องกลับตาลปัตรกันไปหมด…
หวงจุนเทียนจ้องมองเขา เอ่ยขึ้นว่า “ด้วยคุณสมบัติของเจ้าในปัจจุบันนี้ ยากจะก้าวออกจากโลกนี้ได้ แต่ข้าสามารถพาเจ้าไปสู่โลกชั้นสูงกว่านี้ได้ เจ้าจงคิดดูให้ดี แต่ถึงเจ้าปฏิเสธข้าก็จะไม่สังหารเจ้า จะเลิกแล้วต่อกันเท่านี้”
ฉู่เสี่ยวชีฟังแล้วใจเต้นแรงขึ้นมา
ไม่แปลกเลยที่ก่อนหน้าจะไม่สังหารเขาทันที
ฉู่เสี่ยวชีสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยถามว่า “ท่านมีตบะระดับใด เซียนทองต้าหลัวหรือ”
“เซียนทองต้าหลัวอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆๆๆ!”
หวงจุนเทียนหัวเราะดังลั่น น้ำเสียงวาจาเต็มไปด้วยความดูแคลนหยามหยัน
ฉู่เสี่ยวชีตกใจมาก สามารถดูแคลนเซียนทองต้าหลัวที่เป็นตำนานเล่าขานได้เช่นนี้ หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นอริยะในเทวตำนานอันเลื่อนลอย
ฉู่เสี่ยวชีหวั่นไหวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว
ผู้ทรงพลังเช่นนี้ หากไม่คว้าเอาไว้…
นับตั้งแต่ท่านปู่จากไป ถึงแม้เขาจะพานพบโอกาสวาสนา แต่ล้วนมิใช่โอกาสวาสนาที่ถึงขั้นถอดร่างผลัดกระดูกได้ เขาค่อยๆ ตระหนักได้ถึงความสามัญของตนแล้ว เพียงแต่กักเก็บไว้ในใจทนยืนหยัดมาตลอด ไม่ยอมรับ
ฉู่เสี่ยวชีกัดฟันเอ่ยไปว่า “เหตุใดถึงเลือกข้า”
หวงจุนเทียนตอบว่า “ชีวิตก่อนหน้านี้ของเจ้าประสบมหาโชคยิ่งใหญ่ แต่กลับยากจะทำนายดวงชะตาของเจ้าได้ ตอนนี้เจ้าอาจจะอ่อนแอ แต่ข้ารับรู้ได้ว่าในอนาคตเจ้าต้องไม่ธรรมดาแน่ บางทีข้าอาจเป็นผู้ที่ช่วยเกื้อหนุนให้เจ้ารุ่งโรจน์โบยบินได้ ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะยอมเชื่อใจหรือไม่”
ฉู่เสี่ยวชีอดคิดถึงท่านปู่ที่ตนบังเอิญพบในยามเยาว์ไม่ได้ หรือว่าท่านปู่ก็ต้องตาเขาเพราะชะตาของเขาเช่นกัน
ว่าแล้วเชียว ข้าเกิดมาเป็นคนพิเศษ!
หลักเหตุผลก็ง่ายดายนัก อยู่ในเผ่าเทพเขาไม่มีทางได้ก้าวหน้า ในศึกเทพมารครานี้ เขารู้ซึ้งถึงความอ่อนแอของตนแล้ว เฉินเจวี๋ยรุกไล่สังหาร ทรงพลังไม่อาจหยุดยั้งได้ ในทางกลับกันเขาเป็นได้เพียงตัวรับเคราะห์เท่านั้น
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพวกเขาเข้าเผ่าเทพมาในรุ่นเดียวกัน แต่เฉินเจวี๋ยทรงพลังกว่าเขามาก…
หวงจุนเทียนเอ่ยว่า “ก่อนอื่นจะพาเจ้าไปเปิดโลกสักหน่อยว่าตัวเจ้าเล็กจ้อยเพียงใด”
เขาโบกมือขวาคราหนึ่ง พาฉู่เสี่ยวชีขึ้นไปเหนือแดนลับเชื่อมวิถี ฉู่เสี่ยวชีมองลงไปด้านล่าง มีจุดแสงขนาดเท่าเม็ดข้าวสารนับไม่ถ้วนกระจายอยู่ในทิศทางที่ต่างกันไป
“แสงเหล่านั้นคือโลกขนาดเล็ก โลกขนาดเล็กทุกใบล้วนมีแดนเซียน แดนมนุษย์และยมโลกรวมสามภพเช่นเดียวกันหมด”
หวงจุนเทียนกล่าวอธิบาย ฉู่เสี่ยวชีฟังแล้วเบิกตากว้าง
แดนเซียนที่เขาอยู่ใหญ่โตเพียงใดแล้ว แต่พอมองลงไปจากมุมนี้กลับดูเล็กจ้อยถึงเพียงนี้
หวงจุนเทียนพาเขาออกจากแดนลับเชื่อมวิถี เข้าสู่ดินแดนเวิ้งว้าง จากนั้นก็ให้เขามองอีกครั้ง
ห้วงจักรวาลแตกต่างไปจากภายในแดนลับเชื่อมวิถี อวกาศเป็นสีขาวโพลน แต่ยังคงมีจุดแสงหลากสีกระจายอยู่ทั่วทิศอย่างหนาแน่น
“สถานที่ที่พวกเราอยู่เมื่อครู่นี้ เป็นเพียงหนึ่งในโลกระดับล่างซึ่งห่อหุ้มโลกขนาดเล็กที่อธิบายต่อเจ้าไปเมื่อครู่นี้ไว้ มีมากมายดั่งสายธารดารา”
คำอธิบายของหวงจุนเทียนทำให้ฉู่เสี่ยวชีตกตะลึง
เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!
นี่คือความรู้สึกเพียงอย่างเดียวของฉู่เสี่ยวชีในเวลานี้
ในเวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของหวงจุนเทียน ทำให้ฉู่เสี่ยวชีตกใจถอยไปหลบด้านหลัง ผู้มาก็คือเจ้าของแดนลับเชื่อมวิถี อู๋เซียงเทียนเซี่ย หนึ่งในสิบยอดฟ้าของงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งแรก
อู๋เซียงเทียนเซี่ยดูทรงอำนาจมากขึ้นกว่าในกาลก่อน กลิ่นอายไม่ด้อยไปกว่าหวงจุนเทียนเลย
อู๋เซียงเทียนเซี่ยพินิจดูฉู่เสี่ยวชี ทำให้ฉู่เสี่ยวชีตื่นตระหนกอย่างยิ่ง จำเป็นต้องเข้าไปแอบด้านหลังหวงจุนเทียน
“เด็กคนนี้รากฐานธรรมดา มีเพียงดวงชะตาที่ยากจะทำนายได้ เป็นเพราะเจ้ากระมัง”
อู๋เซียงเทียนเซี่ยเอ่ยขึ้นมา บทสนทนาระหว่างหวงจุนเทียนและฉู่เสี่ยวชีถูกหวงจุนเทียนปิดกั้นการสอดส่องไว้ นอกจากผู้สร้างมรรคาแล้ว ตัวตนอื่นๆ ล้วนไม่สามารถสอดส่องจากระยะไกลได้
หวงจุนเทียนตอบว่า “อืม เขาคือศิษย์ของข้า ข้าวางแผนจะบ่มเพาะเขาจึงนำมาปล่อยในแดนลับเชื่อมวิถีของเจ้า เจ้าคงไม่คัดค้านกระมัง”
อู๋เซียงเทียนเซี่ยยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ไม่มีปัญหาแน่นอน ข้าช่วยดูแลเขาให้ได้”
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ปล่อยให้เขาเติบโตด้วยตัวเองเถอะ รอจนเขาเติบใหญ่ขึ้นมา ถือว่าเขาติดหนี้บุญคุณเจ้าหนึ่งครั้ง ข้าก็เช่นกัน”
“สหายเต๋าล้อกันเล่นแล้ว สายสัมพันธ์ของพวกเรายังต้องเอ่ยถึงหนี้น้ำใจอันใดอีก”
อู๋เซียงเทียนเซี่ยเอ่ยยิ้มๆ จากนั้นก็หายตัวไป สิ่งที่เขาต้องการก็คือประโยคนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่ต่ออีก เลี่ยงไม่ให้หวงจุนเทียนเปลี่ยนคำพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...