บทที่ 1159 อายุแปดร้อยล้านปี
ตู๋กูอู๋ลอยตัวอยู่ด้านหน้าประติมากรรมหินลึกลับ ไม่ได้จากไปและไม่ได้เข้าไปสัมผัสอีก เขาหวั่นเกรงนัก
ประติมากรรมหินยังคงแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว สงบนิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เป็นนิรันดร์ไม่สิ้นสูญ
ตู๋กูอู๋เหินขึ้นไปด้านบน ขึ้นมาถึงตำแหน่งหน้าผากของประติมากรรมหินลึกลับ เขาจ้องมองใบหน้าของมันอย่างละเอียด พินิจพิจารณา
ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคล้ายกับท่านอาจารย์ ความรู้สึกนี้แรงกล้ายิ่ง
หากว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านอาจารย์ พลังที่บรรจุที่อยู่ในประติมากรรมหินก็คือพลังแข็งแกร่งที่สุดในโลกปฐมยุค!
หัวใจตู๋กูอู๋เต้นกระหน่ำขึ้นมา ถึงแม้จะเคารพหานเจวี๋ยเป็นอาจารย์ แต่สายสัมพันธ์ของทั้งสองหาได้ใกล้ชิดสนิทสนมไม่ เขาไม่เคยได้รับสืบทอดวิชาจากหานเจวี๋ยเลย
แต่เขาก็ทราบถึงตัวตนของหานเจวี๋ยดี สุดยอดผู้แข็งแกร่งที่อยู่สุดปลายทางของเส้นทางบำเพ็ญเพียร!
หากทำความเข้าใจพลังในประติมากรรมหินได้นี้ได้ ข้าจะสามารถดำเนินรอยตามเส้นทางแห่งมรรคของอาจารย์ได้หรือไม่?
ยิ่งคิดดวงตาของตู๋กูอู๋ก็ยิ่งเปล่งประกาย
….
ณ แดนลับเชื่อมวิถี ในโลกใบหนึ่ง
บนยอดเขาสูงเสียดเมฆา ฉู่เสี่ยวชีนั่งสมาธิอยู่ริมหน้าผา ข้างกายเขามีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง หันหน้ารับแสงตะวันเช่นกัน ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมา “ท่านปู่ ข้าว่าไม่ถูกแล้ว เหตุใดวิชายุทธ์นี้ไม่ช่วยเพิ่มพูนพลังเวท แต่เพียงเสริมความแข็งแกร่งของกายเนื้อเล่า ข้าไม่ได้อยากเป็นผู้ฝึกกายนะขอรับ!”
ฉู่เสี่ยวชีเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตาขึ้น “เจ้าเกิดมาร่างกายอ่อนแอ ต้องเสริมความแข็งแกร่งของกายเนื้อก่อนถึงจะรองรับวิญญาณที่แกร่งกล้าของเจ้าได้ ต่อไปจะต้องรุ่งโรจน์โบยบินแน่”
“ใช่หรือขอรับ ท่านอย่ามาหลอกข้าเลย ข้าได้ยินว่าเมื่อผู้ฝึกกายบำเพ็ญไปถึงระดับที่สูงขึ้นก็ติดขัดไม่ก้าวหน้า ยิ่งระดับสูงเท่าไรก็ยิ่งตระหนักรู้ได้น้อยลง หากผู้ฝึกกายพลาดช่วงเวลาตระหนักที่ดีที่สุดไปแล้วก็เท่ากับตัดเส้นทางอนาคต”
“หากเจ้าไม่เชื่อก็ไสหัวไปซะ”
“ท่านปู่!”
เด็กหนุ่มเกาะแขนฉู่เสี่ยวชีแล้วเริ่มเขย่าไปมา ตีหน้ายิ้มแย้มเอาใจ
ฉู่เสี่ยวชีลืมตาขึ้น เผยรอยยิ้มพลางเอ่ยว่า “ฝึกบำเพ็ญให้ดีเถอะ ต้องตาข้าได้ก็คือโอกาสวาสนาที่ไม่อาจหาพบได้ในหมื่นชาติแล้ว”
ในใจเขารู้สึกชื่นมื่นนัก
เมื่อก่อนตอนที่ท่านปู่เจอเขาจะมีความคิดเช่นนี้ด้วยหรือไม่นะ
เด็กหนุ่มคนนี้มิใช่หลานแท้ๆ ของเขา ตัวเขาไม่มีแม้แต่บุตรด้วยซ้ำ แต่เขาไม่อยากรับศิษย์อยากจะรับหลานชาย ดังนั้นจึงอยู่ร่วมกันในฐานะปู่หลาน
เด็กหนุ่มเบะปากเอ่ยว่า “ขอรับๆ”
ในเวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังฉู่เสี่ยวชี
“ท่านประมุข สำนักเลิศหล้าเปิดศึกกับเผ่าเทพแล้วขอรับ!”
เงาร่างนี้สวมชุดเกราะสีดำ สวมหน้ากากและหมวกเกราะไว้ รอบกายมีปราณดำพัวพัน ดูชั่วร้ายและลึกลับอย่างยิ่ง
“ข้ารู้แล้ว ไปเถอะ จับตามองต่อไป”
“รับบัญชา!”
เงาร่างเกราะดำเลือนหายไปจากจุดเดิม ราวกับไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน
เด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้ “ท่านปู่ ดูเหมือนท่านจะใส่ใจสำนักเลิศหล้ายิ่ง พวกท่านมีความเกี่ยวข้องกันหรือขอรับ”
ฉู่เสี่ยวชีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องชายคนหนึ่งของปู่อยู่ในสำนักเลิศหล้า เป็นเจ้าสำนักเลิศหล้า ในอดีตข้าปกป้องดูแลเขาจนเติบใหญ่ ถึงแม้เขาจะก่อตั้งกลุ่มอำนาจของตัวเองขึ้นแล้ว แต่ปู่ก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่”
“ท่านปู่แสนดีจริงๆ เจ้าสำนักเลิศหล้าได้พบกับท่าน นับเป็นบุญวาสนาที่สั่งสมมาสามชาติโดยแท้”
“ฮ่าๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...