บทที่ 1163 ปณิธานเดิมและเป้าหมาย
สิงหงเสวียนคิดว่าคำพูดของหานเจวี๋ยมีเหตุผล ด้วยเหตุนี้จึงไม่หมกมุ่นกับคำถามนี้อีก นางเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป บอกเล่าถึงความเบื่อหน่ายของตน
ตอนนี้นางสับสนเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยังจำสมัยที่เพิ่งพบข้าได้หรือไม่”
สิงหงเสวียนพยักหน้ารับ “จำได้แน่นอน จดจำได้ขึ้นใจ”
“ลองนึกถึงปณิธานดั้งเดิมของเจ้าสิ โลกนี้ต้องมีเรื่องที่ทำให้เจ้ามีความสุขและพึงพอใจไปได้ตลอดอยู่แน่นอน เพียงแต่เจ้าหลงลืมไปแล้วก็เท่านั้น ก็เหมือนอย่างข้าที่ปัจจุบันนี้ก็ยังคงเพียรบำเพ็ญอยู่ เพราะข้าชอบการบำเพ็ญ” หานเจวี๋ยเอ่ย
สิงหงเสวียนอดใคร่ครวญตามไม่ได้
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ไม่ต้องคิดแล้ว กลับไปดูเอาเองเถิด”
พอสิ้นเสียงพลันปรากฏวังวนดำขึ้นด้านหลังสิงหงเสวียน บังคับดูดตัวนางเข้าไป ข้ามผ่านมิติกาลเวลาพานางย้อนกลับไปสู่สำนักหยกพิสุทธิ์ในสมัยก่อน
นอกประตูสำนักหยกพิสุทธิ์
สิงหงเสวียนร่อนลงบนทางในหุบเขา สายตามองเข้าไปด้านในสวนสมุนไพรที่อยู่ด้านหน้า มีทาสกลุ่มหนึ่งกำลังทำงานยุ่งง่วนอยู่ นางมองเห็นเงาร่างเล็กๆ ร่างหนึ่ง
เป็นหานเจวี๋ย
สิงหงเสวียนผงะไปเล็กน้อย พลันนึกสนใจขึ้นมา
ในเวลานี้เอง นางรับรู้ถึงกลิ่นอายจากด้านหลังจึงรีบอำพรางกายทันที มองเห็นผู้บำเพ็ญชายหญิงคู่หนึ่งเดินเคียงกันเข้ามา เดินมาหยุดทางประตูทางเข้าสวนสมุนไพร
ผู้บำเพ็ญหญิงนางนั้นคือสิงหงเสวียนในวัยเยาว์
เมื่อเห็นตัวเองในอดีต สิงหงเสวียนรู้สึกสะท้อนใจอย่างยิ่ง
นี่คือจุดพลิกผันของโชคชะตา
ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นปรากฏขึ้นในหัวใจอีกครั้ง ตัวนางในยามนั้นเป็นสายลับของลัทธิมาร ซ้ำยังเป็นสายลับสองหน้าด้วย ใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวน
สองปีต่อมา สิงหงเสวียนเฝ้าสังเกตหานเจวี๋ยมาตลอด ส่วนทางฝั่งของตนนั้น นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงคร้านจะไปใส่ใจ
นางพบว่าหานเจวี๋ยในวัยเยาว์มีความมานะพยายามอย่างยิ่ง ซ้ำยังเก็บงำประกายไว้ เป็นเช่นเดียวกับตัวเขาในยุคที่ไร้พ่ายแล้ว
‘ท่านพี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ’
สิงหงเสวียนรำพันอยู่ในใจ นางหันเหความสนใจไปจับตามองตัวเองแล้ว
สมควรจะมองตัวเองจากอีกแง่มุมหนึ่งเช่นกัน ดูว่าตนต้องการสิ่งใดกันแน่
….
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม หลังจากหานเจวี๋ยส่งสิงหงเสวียนย้อนกลับไปแล้ว ผ่านไปไม่ถึงสองลมหายใจก็พาสิงหงเสวียนกลับมา
สิงหงเสวียนใช้เวลาผ่านไปนับหมื่นปี
หลังจากกลับมา สิงหงเสวียนดูสดใสร่าเริงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณท่านพี่!”
พูดจบสิงหงเสวียนก็เดินออกจากอารามเต๋าของตนไป
หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย เหตุใดถึงรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้จู่ๆ ก็เยาว์วัยลงเล่า กระฉับกระเฉงร่าเริงขึ้น
เขาลุกขึ้นเดินออกจากอารามเต๋า มุ่งหน้าไปเยี่ยมชิงหลวนเอ๋อร์
หลังจากไปพูดคุยกับเหล่าคู่บำเพ็ญของตนทีละคนๆ แล้ว หานเจวี๋ยก็ตัดสินใจจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย
เขาอยากเห็นว่าสวรรค์ประทานโชคร้อยครั้งจะส่งผลกระทบต่อยุคสมัยไร้สิ้นสุดอย่างไร
หานทั่ว หานหลิง หานชิงเอ๋อร์และหานอวิ๋นจิ่นล้วนตื่นเต้นกันยิ่งนัก แต่พวกเขาต้องใช้เวลาเพื่อควบคุมทำความเข้าใจมหาโชคใหม่ที่เพิ่งตื่นรู้ขึ้นมา
หานเจวี๋ยทอดสายตาสอดส่องบรรดาเชื้อสายเหล่านั้น สวรรค์ประทานโชคส่งผลต่อพวกเขาอย่างมหาศาลนัก เรียกได้ว่าพลิกชะตาไปทันที
หานเจวี๋ยแบ่งร่างแยกออกมาหลายสิบร่าง ไปติดต่อกับบรรดาเชื้อสายเหล่านั้น ให้พวกเขาก้าวเดินไปในเส้นทางบำเพ็ญเพียร
ณ ชายขอบของแดนลับเชื่อมวิถี อาคารสิ่งปลูกสร้างรูปทรงสมบัติวิเศษมากมายลอยโอบล้อมสัตว์ร้ายใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง สัตว์ร้ายตัวนี้รูปร่างคล้ายเต่าผสมมังกร มีพระราชวังหลังหนึ่งตั้งอยู่บนหลังของมัน ภายในพระราชวัง ฉู่เสี่ยวชีกำลังสำราญใจกับความเปลี่ยนแปลงที่มาจากดาววิถีกรรมอยู่
“ข้าถือกำเนิดมาไม่ธรรมดาจริงๆ มิเช่นนั้นคงไม่ได้รับความชื่นชมจากท่านปู่”
ฉู่เสี่ยวชีภูมิใจกับตัวเอง ไม่นานมานี้เขาเพิ่งประสบความเสียหายยับเยินในสนามรบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่คิดเลยว่าจะปลุกพรสวรรค์ให้ตื่นขึ้นมา เรื่องนี้ทำให้เขาดีใจอย่างยิ่ง
รอจนเขาควบคุมพลังใหม่นี้ได้เชี่ยวชาญแล้ว จะบุกตะลุยสังหารไปทั่วทิศแน่นอน ไม่แน่ว่าภารกิจสำคัญเช่นการโจมตีจัดการสื่อหยวนหงเหมิงอาจจะตกมาอยู่กับเขาก็เป็นได้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งตื่นเต้น
ในเวลานี้เอง บุรุษคนหนึ่งพุ่งเข้ามาในวัง
“ท่านปู่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ ผู้อาวุโสเฉินเจวี๋ยถูกสื่อหยวนหงเหมิงจับตัวไป!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...