บทที่ 1171 ความห่างชั้นระหว่างเทพผู้สร้างและผู้สร้างมรรคา
ภายในสายธารแห่งกาลเวลา จี้เซียนเสิน ฟางเหลียงและสวินเซิ่งจุนนั่งสมาธิเรียงกันอยู่
เงาร่างแดงฉานร่างหนึ่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา เป็นฉู่เสี่ยวชี เขามีปราณโลหิตพัวพันอยู่รอบกาย อยู่ในสภาวะฉุนเฉียว ตัวสั่นระริก สีหน้าดุร้าย ราวกับสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์ที่สูญเสียสติไปแล้ว
ฟางเหลียงเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ข้ารู้สึกว่าผิดปกติ พวกเรากำลังถูกหลอกปั่นหัวแล้วกระมัง”
จี้เซียนเสินเอ่ยโดยไม่ลืมตาขึ้น “อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดเผยแม้แต่ตัวตน จะต้องมีแผนการอยู่แน่นอน แต่พวกเราก็มีความต้องการของตัวเองอยู่เช่นกัน พวกเราต้องการพิสูจน์ผู้สร้างมรรคา หากว่าทำสำเร็จก็ค่อยช่วยขจัดแรงกรรมล้นฟ้าของอนธการสิ้นแสงให้เขา”
สวินเซิ่งจุนถาม “ไยจึงไม่ไปหาเทพผู้สร้างเล่า”
จี้เซียนเสินเหลือบมองเขา เอ่ยไปว่า “คิดว่าจะไปหาเทพผู้สร้างได้ง่ายๆ หรือ”
“ต่อให้เจ้าได้พบแล้วเจ้าจะบอกว่าอย่างไรเล่า เจ้าไปหาพี่ชายร่วมอุทรของเจ้ามาแล้วกระมัง ซ้ำยังขอให้เขาช่วยเจ้าพิสูจน์ผู้สร้างมรรคาด้วยมิใช่หรือ หากการพิสูจน์ผู้สร้างง่ายปานนั้น หานฮวงและพวกหานทั่วคงประสบความสำเร็จไปแล้ว”
สวินเซิ่งจุนเงียบไป
เขาเลื่อมใสศรัทธาในตัวหานเจวี๋ยมาแต่เล็ก แต่เขาไม่เคยได้พบหานเจวี๋ยกับตัวมาก่อน แม้จะเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็ยังมีตำแหน่งสำคัญในใจของเขาอยู่
จี้เซียนเสินเอ่ยว่า “ผู้สร้างมรรคาคือแนวทางที่ยอดมหามรรคทั้งหมดต้องการบรรลุถึง ถึงแม้พวกเราจะใช้ประโยชน์จากฉู่เสี่ยวชี แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขาอย่างแท้จริง รอจนพวกเราทั้งสามสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาแล้วค่อยฉุดรั้งเขากลับมาจะไม่ดีกว่าหรือ ด้วยสถานะอนธการสิ้นแสงของเขา ไม่ช้าก็เร็วคงเปิดเผยออกมาอยู่ดี รอจนเขาไปถึงจุดที่ไม่อาจย้อนหวนได้แล้ว มีเพียงการสำเร็จเป็นผู้สร้างมรรคาที่จะช่วยให้เขาหลุดพ้นได้”
ทั่วยุคสมัยไร้สิ้นสุดมีความเชื่อร่วมกันอย่างหนึ่ง นั่นคือสถานะผู้สร้างมรรคาไม่อาจรับสืบทอดต่อกันได้ จำเป็นต้องพบพานวาสนาอันยิ่งใหญ่และใช้ระยะเวลายาวนานถึงจะพิสูจน์ได้สำเร็จ มิเช่นนั้นนับแต่โบราณกาลมาคงไม่มีผู้สร้างมรรคาอยู่ไม่กี่รายเท่านั้น
เทพผู้สร้างก็ไม่อาจช่วยให้พิสูจน์ผู้สร้างมรรคาได้เช่นกัน มิเช่นนั้นบุตรธิดาของเขาคงประสบความสำเร็จไปนานแล้ว
หานฮวงและหานหลิงล้วนเป็นตัวตนชั้นแนวหน้าที่สุดในหมู่ยอดบุตรแห่งสวรรค์ของฟ้าบุพกาล แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังคงเพียรพยายามเพื่อให้บรระลุผู้สร้างมรรคาอยู่
ฟางเหลียงเอ่ยขึ้นว่า “เอาละ ฝึกบำเพ็ญเถอะ นับจากนี้พวกเราจะไม่ไปที่ดินแดนเวิ้งว้างกันสักระยะ ต้องปรับตบะให้มั่นคงก่อน สวินเซิ่งจุน รีบบุกเบิกโลกมหามรรคขึ้นเสียเถอะ”
สวินเซิ่งจุนพยักหน้ารับ จากนั้นหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อ
ฉู่เสี่ยวชีพลันสงบนิ่งลง แววตาแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด
เวลานี้เอง ในส่วนลึกของวิญญาณฉู่เสี่ยวชี
จิตรับรู้ของฉู่เสี่ยวชีค่อยๆ ได้สติกลับมา เขาลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏต่อสายตามีเพียงความมืดมิด
เขามองซ้ายมองขวา จู่ๆ ก็เห็นเงาร่างหนึ่ง
ท่านปู่!
หานเจวี๋ยยืนอยู่ด้านข้าง มองเขาด้วยรอยยิ้มละไม
เขารีบพุ่งเข้าไปหา ถามด้วยความตื่นเต้น “ท่านปู่ ท่านมาได้อย่างไรขอรับ แล้วที่นี่คือที่ใด”
หานเจวี๋ยโบกมือ ทำให้เขาได้เห็นสถานการณ์ภายนอกของร่างเขา
ความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาล้วนหลั่งไหลเข้าสู่หัวของเขา ทำให้เขาตะลึงงันอยู่ที่เดิม
ไม่นานนัก ร่างฉู่เสี่ยวชีสั่นสะท้าน มิใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะโกรธเกรี้ยว
มีคนหลอกใช้ประโยชน์เขาให้ทำเรื่องเหล่านี้ ขณะเดียวกันเขาก็ได้ทราบถึงฐานะที่แท้จริงของตนแล้ว
อนธการสิ้นแสง…
เขาเคยได้ยินมาก่อน นั่นคือสัตว์ร้ายน่าพรั่นพรึงที่เคยก่อหายนะในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ เขาก็เคยจินตนาการว่าอนธการสิ้นแสงปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์อีกครั้ง ส่วนเขาก็กลายเป็นผู้กอบกู้โลกสังหารอนธการสิ้นแสง
แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะไม่ใช่ผู้กล้าในเรื่องเล่าขาน ไม่ใช่ผู้กอบกู้โลก แต่เป็นตัวร้ายที่น่าเกลียดน่ากลัวชั่วร้าย
ฉู่เสี่ยวชีพบว่าเจตจำนงของตนไม่สามารถหนีออกไป เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหานเจวี๋ยพลางเอ่ยถาม “ท่านปู่ ข้าสมควรทำอย่างไรดีขอรับ ท่านช่วยได้หรือไม่”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รอดูต่อไปเถอะ”
เมื่อฉู่เสี่ยวชีเห็นรอยยิ้มของเขาก็สงบใจลงทันที
หานเจวี๋ยนั่งลง ส่งสัญญาณให้ฉู่เสี่ยวชีนั่งลงเบื้องหน้าตน เริ่มเทศนาธรรมให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...