บทที่ 1180 พลังของโลกปฐมยุค
พอเห็นสีหน้าตกตะลึงของเต้าเทียน จ้าวเซวียนหยวนยิ่งภาคภูมิใจ รับช่วงต่อจากเจียงอี้ เริ่มคุยฟุ้งถึงความโดดเด่นของพวกเขาในกาลก่อน
นั่นคือยุคสมัยที่ผู้สร้างมรรคายังไม่เปิดเผยโดดเด่น น้ำเสียงของจ้าวเซวียนหยวนฮึกเหิมเร่าร้อน เต้าเทียนฟังแล้วเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา
เจียงอี้ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ มีมาดในการเล่าเช่นเดียวกับหานเจวี๋ย
เมื่อดำเนินไปถึงจุดที่น่าตื่นเต้น เจียงอี้เล่าเรื่องที่เทพผู้สร้างเคยเล่านิทานให้เขาฟังออกมา คราวนี้เต้าเทียนไม่เชื่อแล้ว
เรื่องอื่นเขายังพอเชื่อได้ แต่ท่านบอกว่าเทพผู้สร้างเล่านิทานให้ท่านฟังอย่างนั้นหรือ
ท่านเป็นผู้ใดกันเล่า
มิใช่ว่าท่านติดตามคลุกคลีกับเหล่าศิษย์ของเทพผู้สร้างหรอกหรือ ซ้ำยังเป็นลูกไล่ให้เต้าจื้อจุนเสียด้วยซ้ำ!
ในใจของเต้าเทียนไม่ยอมเชื่อ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปเพราะต้องไว้หน้าผู้เป็นอาจารย์
ยิ่งเล่าจ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ก็ยิ่งตื่นเต้น ถึงขั้นที่ลากเต้าจื้อจุนมาคุยโม้ด้วยกัน
“หึ มีอันใดน่าเล่ากัน ในอดีตช่วงที่อาจารย์ของพวกเราหรือก็คือเทพผู้สร้างตื่นรู้ในคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล ก็เป็นข้าที่ยื่นมือเข้าไปฉุดรั้งเขาขึ้นมา แต่ก็ไม่สำคัญเลย แม้พวกเราจะเป็นศิษย์อาจารย์แต่ก็เป็นสหายสนิทด้วย”
เต้าจื้อจุนเล่าอย่างเฉยเมย ทำให้เต้าเทียนเลื่อมใสในตัวเขายิ่งขึ้นไปอีก
ยังคงเป็นท่านอาจารย์ใหญ่ที่เลิศล้ำ คำพูดจริงใจชวนให้เชื่อถือ
ด้วยเหตุนี้เต้าเทียนจึงรั้งอยู่ข้างกายพวกเต้าจื้อจุนทั้งสาม เตรียมปิดด่านบำเพ็ญ
ยุคสมัยไร้สิ้นสุดอันวุ่นวายถึงได้สงบลงอีกครั้ง
แต่ความสงบนี้ก็ดำเนินอยู่ได้ไม่นานนัก
….
กาลเวลาผันผ่าน
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ผ่านไปอีกหนึ่งพันล้านปีแล้ว
เขายืดเส้นตามความเคยชิน ถึงแม้สภาพร่างกายของเทพผู้สร้างจะไม่มีทางเป็นเหน็บ แต่การขยับตัวเช่นนี้ทำให้จิตใจเขาผ่อนคลาย
ในช่วงที่ผ่านมา ความเข้าใจที่เขามีต่อการสร้างกฎเกณฑ์แห่งโลกปฐมยุคเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ความเข้าใจนี้ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ อีกทั้งไม่สามารถบรรยายให้เข้าใจได้ แต่หากมองจากพัฒนาการของโลกปฐมยุคก็เข้าใจขึ้นมา
ในช่วงพันล้านปีมานี้ ความก้าวหน้าของโลกปฐมยุคล้ำกว่าช่วงพันล้านปีในครั้งก่อนๆ อัตราการขยายตัวที่น่าเหลือเชื่อสุดขีดนี้กระตุ้นให้เกิดความหวาดหวั่นขึ้นในยุคสมัยไร้สิ้นสุด
มีผู้ทรงพลังบางคนเอ่ยถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้น บอกว่าโลกปฐมยุคจะกลืนกินโลกมหามรรคแห่งอื่นเหมือนฟ้าบุพกาลในอดีตหรือไม่
ความเป็นไปได้นี้สร้างความฮือฮาให้แก่สรรพสิ่ง
แม้จะเป็นเพียงทฤษฎี แต่หากว่าเป็นความจริงขึ้นมาเล่า
ยอดมหามรรคที่มีโลกมหามรรคต่างก็หวาดกลัวสุดขีด หากเผชิญหน้ากับเทพผู้สร้างพวกเขาไม่มีทางเอาชนะได้เลย
หานเจวี๋ยไม่สนใจความคิดของสรรพสิ่ง เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาคาดเดานั้นถูกต้องแล้ว
ต่อให้สรรพสิ่งกลายเป็นศัตรูกับเขา เขาก็ไม่มีทางถือโทษ ถึงขั้นที่ค่อนข้างตั้งตารอ ทั้งยังมองเป็นกิจกรรมบันเทิงด้วยซ้ำ
ความเมตตาที่เขามีต่อสรรพสิ่งก็คือวันหน้าจะให้พวกเขาได้ตั้งรกรากอยู่ในโลกปฐมยุค
การขยายตัวของโลกปฐมยุคไม่มีทางถูกยับยั้งได้!
สุดท้ายหานเจวี๋ยก็ต้องเดินตามรอยของเจ้านวฟ้าบุพกาล แต่เขาไม่เคยนึกกล่าวโทษในตัวเจ้านวฟ้าบุพกาลเลย นี่ก็คือเหตุผลที่เขาไว้ชีวิตเจ้านวฟ้าบุพกาล
ความเมตตาของหานเจวี๋ยคือเหลือทางรอดเอาไว้ให้ศัตรู ส่วนเจ้านวฟ้าบุพกาลเป็นเพียงเพราะไม่อาจสังหารผู้สร้างคนอื่นได้เท่านั้น
ผู้ทรงพลังที่ถูกหานเจวี๋ยสยบทาสแล้วล้วนจะใช้ชีวิตในแบบของตนให้ดี หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้จงใจกดขี่เลย
ในอดีตสี่ผู้สร้างมรรคาไม่อาจแม้แต่จะฝึกบำเพ็ญให้ดีได้ด้วยซ้ำ ซ้ำยังต้องช่วยสอดส่องดูแลฟ้าบุพกาลให้เจ้านวฟ้าบุพกาลด้วย
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลต้องทนมองโลกมหามรรคของตนถูกฟ้าบุพกาลสะกด ซ้ำยังรับหน้าที่เป็นทวยเทพฟ้าบุพกาล ในด้านความรู้สึกแล้วหานเจวี๋ยรู้สึกปวดใจแทนเขานัก
อันที่จริงเรื่องพิพาทผิดถูกเหล่านี้ไม่สำคัญต่อพวกเขาเลย
ชั่วนิรันดร์นี้หานเจวี๋ยเชื่อมั่นเพียงตัวเอง ซึ่งนี่ก็เป็นแนวคิดของผู้ทรงพลังทั้งหมดด้วย ความแตกต่างเดียวที่มีคือผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่าก็เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...