ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 12

สรุปบท บทที่ 12 วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นกับแดนหมื่นปีศาจ: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

อ่านสรุป บทที่ 12 วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นกับแดนหมื่นปีศาจ จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet

บทที่ บทที่ 12 วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นกับแดนหมื่นปีศาจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 12 วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นกับแดนหมื่นปีศาจ
เหล่าผู้บำเพ็ญหญิงที่ออกมาจากหอขึ้นเงินเห็นโม่จู๋กำลังคล้องแขนหานเจวี๋ย ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

พวกนางโอดครวญอยู่ในใจ

หานเจวี๋ยรีบถอยออกมาหนึ่งก้าว เว้นระยะห่างกับโม่จู๋

โม่จู๋ยิ้มอย่างมีไมตรีจิตพร้อมกล่าว “พี่หาน ข้ามีเรื่องอยากให้ท่านช่วยพอดีเลย”

พล็อตเรื่องรองมาแล้ว!

ปฏิเสธ!

หานเจวี๋ยส่ายศีรษะบอก “ต้องขอโทษด้วย ข้าต้องรีบกลับไปฝึกฝน”

“ฝึกอะไรกัน นี่เป็นวาสนาครั้งใหญ่เชียวนะ ข้าได้ยินมาว่า…” โม่จู๋รีบกล่าว

นางพลันสังเกตเห็นเหล่าผู้บำเพ็ญหญิงทางด้านหลังหานเจวี๋ย รู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะคุยกันที่นี่ จึงดึงเขาออกไปจากที่แห่งนี้

“แม่นางโม่ หยุดลากดึงข้าเถอะ”

“ข้าเป็นสตรียังไม่กลัวอะไรเลย ท่านเป็นบุรุษยังกลัวอีกหรือ”

“อาจารย์ไม่อนุญาตให้พวกเรามีความสัมพันธ์แบบชายหญิง”

“เฮอะ พวกเราเพิ่งพบกันเป็นครั้งที่สอง ท่านคิดว่าข้ามีใจให้ท่านอย่างนั้นรึ”

ใบหน้างามแฉล้มของโม่จู๋แดงระเรื่อทันที

นางชำเลืองตามองหานเจวี๋ยเงียบๆ

พี่หานรูปงามจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่นางพบเจอบุรุษหล่อเหลาเช่นนี้

หากผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียรละก็…

ใบหูของโม่จู๋แดงก่ำ

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของนาง ก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว

อันตรายจริงๆ

เขายังไม่ถึงระดับรวมแก่นปราณเลย ไม่สามารถมีความสัมพันธ์แบบชายหญิงได้

โม่จู๋ผู้นี้แม้หน้าตางดงาม แต่ไม่อาจมีผลอะไรกับจิตใจของเขา

หานเจวี๋ยขยับไปอยู่ข้างๆ ก้าวหนึ่งทันใด เว้นระยะห่างกับนางราวหนึ่งเมตรและเดินเคียงข้างกันไป

ทั้งคู่เดินมายังตรอกเล็กๆ ที่ไร้ผู้คน

“เชิญท่านว่ามาได้ มีเรื่องอันใด” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม

โม่จู๋แลซ้ายมองขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคน จึงกล่าวเสียงเบา “พี่หาน ท่านเคยได้ยินชื่อหลี่เฉียนหลงหรือไม่”

“ไม่เคยได้ยิน”

“อะไรกัน ท่านไม่เคยได้ยินชื่อหลี่เฉียนหลงรึ”

“เข้าประเด็นสิ!”

หานเจวี๋ยว่าอย่างไม่ชอบใจ

ถึงแม้ในชาตินี้เขาจะอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว แต่เขาไม่เคยออกไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ ขนาดบุคคลมีชื่อเสียงของสำนักหยกพิสุทธิ์ยังจำได้ไม่หมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทั้งแดนบำเพ็ญเซียนเลย

“หลี่เฉียนหลงเป็นศิษย์สุดยอดแห่งยุคที่ในร้อยปีจะมีสักครั้งของสำนักหยกพิสุทธิ์ ว่ากันว่าอีกนิดเดียวก็จะสำเร็จระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว ถ้ำเทวาของเขาตั้งอยู่บนเขาสูงใหญ่นอกสำนักหยกพิสุทธิ์ เขาวางผนึกต้องห้ามไว้ในถ้ำเทวาไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาแอบซ่อนเอาไว้ตลอด เมื่อเร็วๆ นี้ข้าได้ข่าวมาว่าถ้ำของเขาปรากฏออกมา แต่ด้านหน้าถ้ำมีสัตว์พาหนะเฝ้าอยู่ สัตว์พาหนะตัวนี้กลัวสายฟ้า และพวกเราล้วนเป็นผู้ฝึกสายอัสนี จะต้องกำราบมันได้แน่!” โม่จู๋ยิ่งกล่าวก็ยิ่งตื่นเต้น

หานเจวี๋ยถามขึ้นว่า “พี่ชายของท่านเล่า”

“เมื่อปีก่อนการประลองใหญ่ของสำนักฝ่ายในเพิ่งจบลง เขาถูกเจ้าสำนักคัดเลือกไปฝึกฝนพิเศษ ข้าเองก็หาเขาไม่พบ”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

จบลงแล้วหรือ?

ซวยแล้ว

ฝึกบำเพ็ญนานเกิน ลืมเรื่องใหญ่ระดับนี้ไปเสียได้ หวังว่าเซียนซีเสวียนจะไม่ตำหนิอะไรเขา

“หากเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด เหตุใดสำนักจึงไม่ไปจัดการเรื่องถ้ำเทวานี้ด้วยตัวเอง” หานเจวี๋ยย้อนถาม

โม่จู๋ยักไหล่พูด “สำหรับทางสำนักแล้ว ถ้ำเทวาของเขาไม่นับว่าน่าสนใจอะไร แต่สำหรับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเช่นพวกเรา นี่เป็นโอกาสวาสนาอย่างไรเล่า”

หานเจวี๋ยถามอีก “ท่านรู้ข่าวนี้มาได้อย่างไร”

“สหายผู้หนึ่งบอกข้ามา ข่าวนี้ไม่มีในรายนามภารกิจ”

กลลวง!

เขาไม่ไปเด็ดขาด

หานเจวี๋ยรีบร้อนปฏิเสธ “เสี่ยงอันตรายเกินไป ข้าไม่ไป ข้าขอเตือนท่านสักหน่อย อย่าได้ไปเข้าร่วมเลย ไม่เช่นนั้นจะตายอนาถนัก!”

พูดจบ หานเจวี๋ยก็หมุนตัวเดินจากไปทันที

“คนอย่างท่านนี่…”

โม่จู๋โมโหจนกระทืบเท้า

แต่ถึงอย่างไรความประทับใจที่นางมีต่อหานเจวี๋ยก็ไม่ได้ลดลง นางกลับลังเลขึ้นมา

คนมากความสามารถอย่างหานเจวี๋ยยังไม่กล้าไป หรือว่าจะอันตรายอย่างที่ว่าจริงๆ?

……

เซียนซีเสวียนยกยิ้มอย่างพอใจ “หากทุกคนในยอดเขาหยกวิเวกพากเพียรฝึกฝนเช่นเจ้า ยอดเขาหยกวิเวกต้องกลายเป็นยอดเขาที่แกร่งที่สุดของสำนักหยกพิสุทธิ์แน่”

[ท่านฝึกฝนอย่างเงียบๆ ได้รับการยอมรับจากเซียนซีเสวียนสำเร็จ ได้รางวัลเป็นเคล็ดวิชาท่าร่างหนึ่งวิชา]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับเคล็ดวิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น]

หานเจวี๋ยแอบประหลาดใจ รีบกล่าวตอบ “คำกล่าวของท่านอาจารย์ศิษย์รับไว้ไม่ไหวจริงๆ ศิษย์เพียงชอบการฝึกฝนก็เท่านั้น”

ผู้เฒ่าเถี่ยพยายามสงบจิตใจ

เขารู้ชัดแล้วว่าตนเองไม่สามารถกดขี่หานเจวี๋ยได้อีกต่อไป

เรื่องในอดีตควรลืมไปจะดีที่สุด หากบอกเซียนซีเสวียนไป ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เซียนซีเสวียนไม่พอใจก็เป็นได้

เขากระวนกระวายใจขึ้นมาทันใด

ด้วยตบะของหานเจวี๋ย อีกฝ่ายฆ่าเขาได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

ไม่ได้!

ต้องกำจัดความแค้นนี้ทิ้งไปเสีย!

“ในเมื่อเจ้าชอบการฝึกฝนนัก อาจารย์จะมอบภารกิจให้เจ้า ให้ไปอารักขาแดนหมื่นปีศาจของสำนักหยกพิสุทธิ์” เซียนซีเสวียนพลันยิ้มกล่าว รอยยิ้มเต็มไปด้วยความนัยลึกซึ้ง

แดนหมื่นปีศาจ…

ฟังดูแล้วยอดเยี่ยมนัก แต่ก็อันตรายมากเช่นกัน!

ลึกๆ หานเจวี๋ยอยากปฏิเสธ แต่ก็ยังถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ท่านอาจารย์ แดนหมื่นปีศาจคือสถานที่เช่นใดขอรับ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์บอกอย่างตื่นเต้น “เป็นสถานที่ดูแลสัตว์เลี้ยงปีศาจของสำนักหยกพิสุทธิ์น่ะสิ ท่านอาจารย์ ข้าก็อยากไปด้วย ให้ข้าไปกับศิษย์น้องหานเถิด เขาจะได้ไม่ถูกใครรังแก!”

เซียนซีเซวียนเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ทำให้นางไม่กล้าเอ่ยอะไรมากอีก

“ทุกยอดเขาจะส่งศิษย์หนึ่งคนไปอารักขาแดนหมื่นปีศาจ แดนหมื่นปีศาจเลี้ยงสัตว์ปีศาจไว้มากมายหลายชนิด พลังวิญญาณธาตุต่างๆ จึงหนาแน่นมาก เหมาะให้เจ้าฝึกบำเพ็ญ แต่ว่าก็มีอันตรายอยู่ระดับหนึ่ง มักจะมีสัตว์ปีศาจออกอาละวาด อย่างเช่นมาสังหารเหล่าศิษย์อย่างโหดเหี้ยม” เซียนซีเสวียนอธิบายให้หานเจวี๋ยฟัง

หานเจวี๋ยฟังแล้วไม่เห็นช่องทางให้ปฏิเสธแม้แต่น้อย…แต่หากฝึกฝนได้ก็เป็นเรื่องดี

สู้กับสัตว์ปีศาจดีกว่าสู้กับคน

‘ไม่ใช่ว่าเป็นยามเฝ้าสวนสัตว์หรอกหรือ ข้าไป!’

“เช่นนั้นศิษย์จะรับภารกิจที่อาจารย์มอบให้” หานเจวี๋ยกล่าวพลางประสานมือคารวะ

เซียนซีเสวียนพยักหน้าเอ่ย “เจ้าไปเก็บข้าวเก็บของ จากนั้นตรงไปที่หอสัตว์เลี้ยงปีศาจ จะมีคนพาเจ้าไปยังแดนหมื่นปีศาจ คนก่อนหน้าเจ้าคือศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเอง ตอนนี้เขาถูกเจ้าสำนักรับตัวไปแล้ว จึงได้แต่ให้เจ้าไปแทน หากภารกิจราบรื่น อาจารย์จะตบรางวัลให้เจ้า นอกจากนี้ หากเฝ้าอารักขาแดนหมื่นปีศาจถึงหนึ่งปี จะได้รับหินวิญญาณชั้นสูงสิบก้อน ไม่มีขีดจำกัด นี่เป็นภารกิจสำนักแบบต่อเนื่อง ก่อนไปเจ้าก็ไปรับภารกิจมาก่อนได้”

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ