หลิ่วซานซินก้าวเข้ามา ยื่นมือจับไหล่ของเขาพลางยิ้มกล่าว “ศิษย์น้อง เจตนาดีของเจ้าศิษย์พี่รับเอาไว้ด้วยใจแล้ว ภายหลังหากพบเจอเรื่องเดือดร้อนอะไร ก็บอกศิษย์พี่ได้เสมอ”
หานเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ บอกว่า “เช่นนั้นศิษย์น้องขออวยพรล่วงหน้าให้ศิษย์พี่โชคดี!”
มีไมตรีมาส่งถึงที่จะผลักไสได้อย่างไร?
“ฮ่าๆ!”
หลิ่วซานซินหัวเราะเสียงดัง จากนั้นจึงแยกจากไป
หานเจวี๋ยเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ก็ไล่ตามมาทัน
“ศิษย์น้อง เจ้ายังไม่เคยทำภารกิจของสำนักมาก่อนใช่หรือไม่ ให้ศิษย์พี่หญิงช่วยเอาไหม” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ยิ้มถาม
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าอยากฝึกฝน”
“ฝึกฝนในถ้ำเทวานั้นช้านัก ไม่สู้ออกไปทำภารกิจเก็บหินวิญญาณ จากนั้นค่อยไปฝึกฝนที่สระวิญญาณแต่ละแห่ง ลงแรงน้อยแต่ได้ผลมาก เวลาเดียวกันยังได้รับแต้มคุณูปการด้วย หากแต้มคุณูปการสูงก็จะซื้อโอสถได้อีก”
“ข้ากลัวตายขอรับ ไม่เอาด้วยหรอก”
“ผู้บำเพ็ญรุ่นอาวุโสอย่างข้ากลัวตายเสียที่ไหน”
“ถ้าไม่กลัวตาย จะบำเพ็ญเซียนไปเพื่ออะไรเล่า!”
“เจ้า…”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ถูกทำให้โมโหแล้ว
ศิษย์น้องผู้นี้เหตุใดถึงปอดแหกเช่นนี้!
เหตุที่หานเจวี๋ยปฏิเสธไม่ไป เป็นเพราะว่าเขามีหินวิญญาณเยอะอยู่แล้ว
“เฮอะ ไม่ไปก็ไม่ไป!”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์หมุนตัวจากไป
หานเจวี๋ยตกเข้าสู่ภวังค์ความคิด
แท้จริงแล้วเขาไม่สามารถฝึกฝนอยู่ในถ้ำเทวาได้ ต้องไปที่สระวิญญาณ
อย่ารอจนหนึ่งร้อยปีให้หลัง อายุขัยใกล้สิ้นแล้วค่อยไป เช่นนั้นก็เปล่าประโยชน์นัก
เมื่อคิดได้ดังนั้น หานเจวี๋ยจึงหมุนกายตรงไปยังเมืองของสำนักฝ่ายใน
…
สิบปีผ่านไปในพริบตา
หานเจวี๋ยยังไม่อาจหักใจไปจากสระวิญญาณแต่ละแห่ง หินวิญญาณชั้นสูงถูกใช้ไปแล้วเกือบสี่ร้อยก้อน ตบะของเขาบรรลุไปถึงระดับสร้างฐานขั้นห้า รากวิญญาณหกสายทั้งหมดก็ฝึกจนถึงระดับสร้างฐานขั้นห้าเช่นกัน
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้เขาใช้หินวิญญาณชั้นสูงสี่ร้อยกว่าก้อนที่เหลือจนหมด ก็ไม่อาจสำเร็จระดับรวมแก่นปราณได้
หานเจวี๋ยเริ่มรวบรวมพลังวิญญาณอัสนีและพลังวิญญาณอัคคี
เขาไม่อาจใช้หินวิญญาณทั้งหมดจนเกลี้ยงได้ ไม่เช่นนั้นภายหลังต้องมีค่าใช้จ่ายแน่นอน
ผ่านไปอีกสิบปี!
เขาฝึกฝนรากวิญญาณอัสนีจนเสร็จสิ้น ภายในถ้ำเทวาก็ยังดูดซับพลังวิญญาณอัคคีได้จำนวนมาก
เช่นนี้เอง!
หลังจากหานเจวี๋ยตัดสินใจได้ ก็ตรงไปยังสระวิญญาณอัสนีทันที
ตอนนี้สระวิญญาณอัสนีไม่มีผู้บำเพ็ญเลย ทว่าหานเจวี๋ยก็ไม่กลัวโดดเดี่ยวแต่อย่างใด
“เจ้าเด็กนี่ เจ้ามาอีกแล้ว แต่ก่อนก็คิดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ เหตุใดผ่านไปหลายปียังอยู่ระดับสร้างฐานขั้นสามอีก”
ปีศาจพฤกษาอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย
หานเจวี๋ยยักไหล่ตอบ “เป็นเพราะด้อยสติปัญญา ถึงได้ลำบากเช่นนี้อย่างไรเล่า”
“จริงด้วย”
ปีศาจพฤกษาพูดจบก็หลับตาลง
หานเจวี๋ยเป็นแขกประจำ มันไม่ต้องกล่าวเตือนอะไรมากนัก
ไม่นานนัก หานเจวี๋ยก็เริ่มเข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปปีแล้วปีเล่า
ห้าปีต่อมา
รากวิญญาณอัสนีของหานเจวี๋ยฝึกฝนไปถึงระดับสร้างฐานขั้นเจ็ดแล้ว
โม่ฟู่โฉวกลับมาอีกครั้ง ทั้งยังพาลูกศิษย์หญิงมาด้วยหนึ่งคน
ศิษย์หญิงผู้นี้งดงามยิ่งนัก อากัปกริยาก็มีลักษณะอย่างสตรีผู้สูงศักดิ์
“สหายหาน ท่านก็อยู่ด้วยหรือนี่!” โม่ฟู่โฉวกล่าวด้วยความแปลกใจ
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นมองไป
เขายกยิ้มพลางกล่าวตอบ “สหายโม่ ท่านก็มาด้วยสินะ”
โม่ฟู่โฉวเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ดูจากค่าความสัมพันธ์ หานเจวี๋ยพบว่าอีกฝ่ายบรรลุถึงระดับสร้างฐานขั้นเก้าแล้ว
ถึงแม้จะผ่านมาแล้วเกือบยี่สิบปี แต่สามารถบรรลุระดับสร้างฐานถึงสองขั้น จะทะลวงไปยังระดับรวมแก่นปราณ หากไม่ใช่อัจฉริยะแล้วจะเรียกว่าอะไร?
“แนะนำสักหน่อย นี่คือศิษย์น้องหญิงจากยอดเขาอัสนีสวรรค์เรา และก็เป็นน้องสาวร่วมตระกูลของข้า นามว่าโม่จู๋” โม่ฟู่โฉวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หานเจวี๋ยประสานมือคารวะ “ข้าน้อยหานเจวี๋ยแห่งยอดเขาหยกวิเวก”
โม่จู๋พยักหน้ารับ พินิจพิเคราะห์หานเจวี๋ยก่อนถามว่า “เหตุใดท่านยังอยู่ระดับสร้างฐานขั้นสาม พี่ชายร่วมตระกูลของข้าบอกว่าท่านอาจจะไปถึงสร้างฐานขั้นหกแล้ว”
หานเจวี๋ยยิ้มตอบ “ฝึกไปทีละขั้นอย่างไรเล่า พวกท่านก็รีบใช้เวลาฝึกฝนเถิด”
เมื่อพูดจบ เขาจึงนั่งลง
แม้ว่าโม่ฟู่โฉวจะสงสัยในตบะของเขา แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
คนทั้งสองเริ่มนั่งสมาธิอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...