ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 10

บทที่ 10 สหายที่น่าเวทนา ความประทับใจของศิษย์พี่ใหญ่
[สิงหงเสวียนสหายของท่านเผชิญกับการล่าสังหารของสำนักหยกพิสุทธิ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่หนีรอดได้]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านถูกเพื่อนร่วมสำนักล่าสังหาร โชคดีที่สังหารกลับได้]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านทรยศลัทธิมารฟ้ามืด พบเจอการล่าสังหารจากลัทธิมารฟ้ามืด]

[สิงหงเสวียนสหายของท่านเพิ่มความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4 ดาว]

หานเจวี๋ยหมดคำจะพูด

สตรีนางนี้น่าสงสารเสียจริง

เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็คือผ่านไปหลายปีแล้ว ความประทับใจที่สิงหงเสวียนมีต่อเขาดันทวีขึ้น

พวกเขาไม่ได้พบหน้ากันเลย!

จิตใจสตรีประดุจเข็มใต้ก้นสมุทร

ยากเกินหยั่งถึง

หานเจวี๋ยดูแล้วดูอีก ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับเขาล้วนไม่มีตบะเพิ่มขึ้นเลย

เช่นนี้ก็สบายใจแล้ว

กำหนดเป้าหมายเล็กๆ ไว้ก่อน จะต้องเหนือกว่าเซียนซีเสวียนให้ได้

หานเจวี๋ยปิดหน้าจอแสดงคุณสมบัติ ปลุกอารมณ์ให้ฮึกเหิม แล้วจึงฝึกบำเพ็ญต่อ

……

สามปีต่อมา

รากวิญญาณอัคคีของหานเจวี๋ยฝึกฝนจนถึงระดับสร้างฐานขั้นสาม

หากกล่าวแค่เรื่องระดับความหนาแน่นของพลังวิญญาณ ความหนาแน่นของพลังวิญญาณในสระวิญญาณอัสนีสูงกว่าภายนอกมาก ดังนั้นเวลาที่หานเจวี๋ยใช้จึงค่อนข้างมากเช่นกัน

รอจนเขาฝึกฝนพลังวิญญาณปฐพี วารี อัคคี และวายุจนถึงระดับสร้างฐานขั้นสาม น่าจะต้องใช้เวลาสิบสองปี

ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็มีอายุขัย 187 ปีแล้ว ยังทันอยู่!

‘แต่หากฝึกฝนรากวิญญาณทั้งหกสายจนถึงระดับสร้างฐานขั้นสมบูรณ์ คาดว่าก็ต้องช่วงชิงเวลากับขีดจำกัดอายุขัยเหมือนกัน’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

ฝึกฝนหกธาตุ ใช้เวลานานกว่าการฝึกฝนธาตุเดียวหกเท่า

หานเจวี๋ยนึกถึงสระวิญญาณอัสนีขึ้นมา

ดูท่าทางจะต้องใช้สระวิญญาณพวกนี้ให้เกิดประโยชน์

ในสำนักหยกพิสุทธิ์ นอกจากสระวิญญาณอัสนีแล้วยังมีสระวิญญาณอื่นๆ อยู่อีก รวมทั้งหมดแปดธาตุ อีกสองธาตุที่เหลือคือทองคำกับน้ำแข็ง

ไม่พูดไม่ได้ว่าสำนักหยกพิสุทธิ์มีกำลังและต้นทุนมหาศาลจริงๆ

เช่นนี้ก็ดี หานเจวี๋ยไม่ต้องเปลี่ยนสำนักแล้ว

หลายวันผ่านไป

พลันมีเสียงระฆังดังขึ้นบนยอดเขาหยกวิเวก

หานเจวี๋ยลืมตาและลุกขึ้นมา

มีเสียงเคาะระฆังเมื่อใด แสดงว่าเซียนซีเสวียนต้องการเรียกพบศิษย์ทั้งหมด

ผ่านมาหลายปีปานนี้ นี่เพิ่งเป็นครั้งแรก

‘หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรนะ ข้ายังอยากฝึกฝนต่อ’

หานเจวี๋ยคิดในใจเงียบๆ

หลังออกมาจากถ้ำเทวา เขาก็พบกับฉางเยวี่ยเอ๋อร์

“ศิษย์น้อง ไม่เจอกันนานเลย เอ๊ะ? เจ้าสร้างฐานแล้วรึ” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม จากนั้นดวงตาคู่งามก็เบิกกว้าง

นางเพิ่งจะถึงระดับสร้างฐานขั้นสอง มองไม่เห็นตบะของหานเจวี๋ย แต่รับรู้ได้ว่าพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมาก ผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณโดยทั่วไปไม่อาจเทียบได้เลย

หานเจวี๋ยยิ้มตอบอย่างนอบน้อม “ก็แค่โชคดี ก็แค่โชคดี”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์แอบตกใจ

‘ศิษย์น้องคงไม่ได้เหนือกว่าข้าแล้วหรอกนะ?

ไม่ได้!

ข้าต้องเร่งทำเวลาฝึกบำเพ็ญ ไม่อาจให้ศิษย์น้องมาเทียบได้’

[ความประทับใจที่ฉางเยวี่ยเอ๋อร์มีต่อท่านลดลง ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1.5 ดาว]

ในหัวของหัวเจวี๋ยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

อะไรกันเนี่ย

ข้าพูดอะไรผิดหรือ?

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์หัวเราะคิกคักพลางพาหานเจวี๋ยขึ้นเขา ราวกับว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังเหมือนเดิม

ระหว่างทาง พวกเขาพบกับศิษย์ยอดเขาหยกวิเวกคนอื่นๆ หานเจวี๋ยมีสถานะเด็กสุด เวลาเจอใครต้องเรียกว่าศิษย์พี่เสมอ

แตกต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ ในยอดเขาหยกวิเวกมีศิษย์ชายคนอื่นอีกไม่น้อย แต่ละคนล้วนภูมิฐานสง่างาม

อัตราส่วนระหว่างชายหญิงพอๆ กัน

คนกลุ่มหนึ่งมาถึงประตูใหญ่ตำหนักหยกวิเวก ก่อนจะคุกเข่าคารวะ

พวกเขารอคอยอย่างอดทน

ในระหว่างนั้น หานเจวี๋ยถูกคนอื่นๆ ส่งสายตาพินิจมอง

ลูกศิษย์หญิงล้วนส่งยิ้มให้กับเขา

แต่ว่าไม่มีใครเกิดความประทับใจในตัวเขาเลย

ศิษย์เหล่านี้บากบั่นฝึกฝนมาหลายปีแล้ว ไม่เหมือนฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่เข้ายอดเขาหยกวิเวกก่อนหานเจวี๋ยไม่กี่ปี

มีศิษย์ทยอยมากันเรื่อยๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ