เซียนซีเสวียนไม่ได้ปฏิเสธทันที แสดงว่ายังมีความหวังอยู่
เซียนซีเสวียนมองหานเจวี๋ยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง พูดด้วยว่า “ที่สำนักฝ่ายในมีค่ายกลส่งตัวไปยังสระวิญญาณอัสนี แต่ว่าต้องใช้หินวิญญาณชั้นกลางจำนวนสิบก้อนต่อการอยู่ที่สระหนึ่งวัน”
ดูเผินๆ เหมือนจะสะดวกดี แต่สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว เวลาหนึ่งวันไหนเลยจะเพียงพอ?
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างตื่นเต้นระคนดีใจ “ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะ ศิษย์จะไปเดี๋ยวนี้!”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้น รีบร้อนเดินออกไปทันที
เซียนซีเสวียนเผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็หลับตาลงฝึกฝนต่อ
…..
หานเจวี๋ยมาที่เมืองของสำนักฝ่ายใน เขาสุ่มเลือกศิษย์หญิงคนหนึ่งมาสอบถาม “ศิษย์พี่หญิงท่านนี้ รบกวนแล้ว สระวิญญาณอัสนีอยู่ที่ใด สามารถบอกข้าได้หรือไม่”
“เดินไปทางนั้นจนสุดทาง จุดที่มีโคมไฟเขียนว่าอัสนีแขวนอยู่ก็คือสระวิญญาณอัสนี”
“ขอบคุณท่านมาก!”
“ศิษย์น้อง…”
หานเจวี๋ยหนีไปเร็วมาก ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายตีสนิทเลย
สถานที่ใดมีคนก็จะมียุทธภพ สหายที่เขาคบหายิ่งน้อย ความยุ่งยากก็จะยิ่งน้อยลงไปด้วย
สิ่งใดคือสหาย?
เจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้า นี่ก็คือสหาย
ในเมื่อต้องช่วยเหลือกัน เช่นนั้นก็ต้องมีความยุ่งยากอยู่แล้ว
สิบนาทีผ่านไป หานเจวี๋ยก็หาหอสระวิญญาณอัสนีพบ
ครั้นเข้าไปในหอ เขาถึงเห็นว่าด้านในมีค่ายกลส่งตัวแห่งหนึ่ง
เขาหยิบหินวิญญาณชั้นสูงออกมาหนึ่งร้อยก้อนทันที อยู่ยาวไปสามปี!
หากออกมาก่อนเวลาก็สามารถเรียกคืนหินวิญญาณได้
สำนักหยกพิสุทธิ์ย่อมไม่เอาเปรียบศิษย์ของตนเอง
ศิษย์ที่ทำงานอยู่ที่นี่ล้วนมาเพื่อรับภารกิจ เจ้าของสระวิญญาณอัสนีเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง จึงไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่อง
ศิษย์ที่มาทำงานเห็นหานเจวี๋ยฟุ่มเฟือยเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
แม้ว่ารากวิญญาณอัสนีจะพบเห็นได้ยาก แต่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ใช่ว่าจะมีแค่ไม่กี่คน
พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง หานเจวี๋ยก็มาถึงริมสระน้ำที่มีไอร้อนตลบอบอวลแล้ว ระยะการมองเห็นอยู่ใกล้มาก เมฆอัสนีอยู่ต่ำนัก รู้สึกว่าแค่ยื่นมือไปก็สามารถสัมผัสได้แล้ว
นอกจากเขา ยังมีผู้บำเพ็ญคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่ไม่ไกล
“ในสระวิญญาณอัสนีห้ามเคลื่อนไหวสะเปะสะปะ ทำได้แค่ฝึกบำเพ็ญอยู่ริมสระ มิเช่นนั้นหากถูกอัสนีบาตสิ้นชีพ ก็สมควรโดนแล้ว!”
เสียงฮึเย็นๆ ดังมาจากทางด้านหลัง
หานเจวี๋ยหันหน้าไปมอง ผู้พูดกลับเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง บนลำต้นมีใบหน้าคนปรากฏอยู่ กำลังพูดจาเหน็บแหนมอย่างไม่ไว้หน้า
ปีศาจพฤกษา!
หานเจวี๋ยพยักหน้าให้มัน ก่อนจะเดินไปนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่อีกด้าน
สระวิญญาณอัสนีตกอยู่ในความเงียบอย่างรวดเร็ว เหลือแค่เสียงฟ้าร้องเท่านั้น
หานเจวี๋ยตกใจระคนยินดีเมื่อพบว่าพลังวิญญาณอัสนีในนี้มีเยอะมาก เขาฝึกฝนได้เร็วกว่าพลังวิญญาณสายอื่นในเวลาปกติ
สุดยอดไปเลย!
หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นไม่หยุด
……
ชั่วระยะเวลาสั้นๆ หนึ่งปี!
หานเจวี๋ยฝึกฝนรากวิญญาณอัสนีจนถึงระดับหลอมปราณขั้นเก้าแล้ว!
เขาไม่ได้จากไปทันที แต่กลับเตรียมตัวสร้างฐาน
ก่อนหน้านี้เขาฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุต่างๆ จนสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ได้โอกาสฝึกรากวิญญาณอัสนีให้ถึงขั้นเก้าสมบูรณ์ด้วยพอดี
หลอมปราณหกสายถึงขั้นสมบูรณ์ สร้างฐานได้เลยทันที!
ระดับสร้างฐานล้วนต้องใช้โอสถสร้างฐาน แต่นั่นสำหรับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป
หานเจวี๋ยมีคุณสมบัติรากวิญญาณชั้นเลิศ
ในวิชาวัฏจักรหกวิถีขั้นแรกบันทึกวิธีหลบเลี่ยงด่านเคราะห์เอาไว้ ช่างบ้าระห่ำเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือการดูดซับอัสนีสวรรค์!
วัฏจักรหกวิถีจะสลายอัสนีสวรรค์ให้กลายเป็นพลังวิญญาณอัสนี ช่วยเสริมตบะของเขาให้แข็งแกร่ง!
หนึ่งเดือนผ่านไป
หานเจวี๋ยเริ่มสร้างฐาน
ประจวบเหมาะกับที่สระวิญญาณอัสนีมีคนน้อย แม้จะสร้างฐานสำเร็จ ก็ไม่ค่อยดึงดูดความสนใจของผู้คนมากนัก
หานเจวี๋ยที่นั่งขัดสมาธิเปลี่ยนท่ามือไม่หยุด โคจรแนวทางของวิชาวัฏจักรหกวิถี พลังวิญญาณทั้งหกสายหมุนวนอยู่ในร่างเขา ภายในจุดตันเถียน[1]เกิดวังวนหกสีขึ้นมา
ปีศาจพฤกษาลืมตาทันที และมองมาทางเขาอย่างประหลาดใจ
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ไม่ไกลลืมตาขึ้นมาเช่นกัน
เห็นเพียงว่าสายฟ้าในสระวิญญาณอัสนีเริ่มตรงไปรวมตัวกันที่หานเจวี๋ย
“นี่เจ้าจะสร้างฐานหรือ”
ผู้บำเพ็ญทำหน้าประหลาด เขาถอยห่างจากหานเจวี๋ยอย่างเงียบๆ เพราะกลัวจะถูกสายฟ้าสวรรค์ผ่า
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
สายฟ้าเป็นเส้นๆ ประสานกันไปมาเหนือศีรษะของหานเจวี๋ยราวกับอสรพิษและมังกร
จุดที่น่าประหลาดก็คือ เมื่อสายฟ้าเหล่านี้สัมผัสโดนร่างของหานเจวี๋ยก็จะหายไปทันที ไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับเขาเลย
ปีศาจพฤกษากับผู้บำเพ็ญพากันขมวดคิ้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...