สิงหงเสวียนนั่งลงข้างกายหานเจวี๋ย เริ่มบรรยายถึงประสบการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นางบังเอิญได้พบกับผู้ทรงพลังสายมารผู้หนึ่ง ทั้งยังได้รับการชี้แนะเรื่องการฝึกบำเพ็ญ
ผู้ทรงพลังสายมารผู้นั้นเป็นศิษย์ของมารชีผมขาวหนึ่งในห้ามารอาวุโส และเป็นยอดผู้บำเพ็ญระดับรวมกายา ประสงค์จะรับสิงหงเสวียนเป็นศิษย์ของตน
สิงหงเสวียนกล่าวว่าตนมีสามีแล้ว จะต้องกลับไปถามสามีเรื่องนี้ก่อน แม้ผู้บำเพ็ญสายมารผู้นั้นจะไม่พอใจ แต่เขาก็ยินยอมตกลง
“สามี ยอดผู้บำเพ็ญระดับรวมกายา ท่านกลัวที่จะทำให้นางไม่พอใจหรือไม่” สิงหงเสวียนเอ่ยถาม
น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยอารมณ์หยอกเย้า
แม้กระทั่งเทพปีศาจระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังไม่สามารถเอาชนะสามีของนางได้ เพียงระดับรวมกายาจะมีอะไรให้น่ากลัวกัน
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “กลัวสิ อย่างไรเสียนางก็มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง หากต่อสู้กันขึ้นมาแล้วข้าสังหารนางเข้าและอาจารย์ของนางมาช่วย ข้าก็ยังต้องคิดหาหนทางสังหารอาจารย์ของนางอีก เช่นนั้นคงลำบากไม่น้อย”
สิงหงเสวียนนิ่งอึ้ง หมดคำจะกล่าว
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ช่วงนี้ข้างนอกไม่ค่อยสงบ เจ้าก็อย่าออกไปเลย อยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดแล้ว อายุขัยก็น่าจะเกือบพันปีแล้วกระมัง”
ระดับปราณก่อกำเนิด!
ไม่ผิด!
ภรรยานางนี้ก็ทะลวงถึงระดับปราณก่อกำเนิดแล้ว!
หานเจวี๋ยรู้สึกว่านางถึงจะเป็นมนุษย์ธรรมดาบำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง ช่วงชิงโอกาสวาสนา
สิงหงเสวียนพยักหน้า เอ่ยว่า “ข้าเองก็รู้สึกว่าข้างนอกกำลังจะวุ่นวาย นับวันยิ่งมีผู้บำเพ็ญสายมารเพิ่มมากขึ้นทุกที ผู้บำเพ็ญสายมารหญิงท่านนั้นกล่าวว่าสายมารจะผงาดขึ้นอย่างฉับพลัน ผู้บำเพ็ญสายมารในใต้หล้าจะเคารพจักรพรรดิมาร กวาดล้างใต้หล้าอีกครั้ง สามี ท่านคิดว่าจักรพรรดิมารจะทำได้หรือไม่”
“ไม่ได้”
“เหตุใด”
“มารสูงหนึ่งฉื่อ เต๋าสูงหนึ่งจั้ง นี่คือมรรคาสวรรค์”
สิงหงเสวียนจมดิ่งสู่ห้วงความคิด
หานเจวี๋ยรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ภรรยานางนี้ออกไปข้างนอกตั้งหลายปีเพียงนี้ ก็ไม่พบของล้ำค่าดีๆ บ้างเลยหรือ
สิงหงเสวียนพลิกมือขวาของนาง เอ่ยว่า “สามี แม้หลายปีมานี้ข้าจะมีโอกาสวาสนา แต่ก็ไม่พบของล้ำค่าที่ดีอะไร ของสิ่งนี้เป็นอย่างไร ท่านชอบมันหรือไม่”
หานเจวี๋ยมองไปที่ฝ่ามือของนาง นั่นเป็นเศษผลึกแก้วชิ้นหนึ่ง สีของมันค่อนข้างออกไปทางชมพู
เขาหยิบเศษผลึกแก้วขึ้นมา ส่งพลังจิตเข้าไปในทันใด
เขาสัมผัสได้ถึงพลังต้านทานสายหนึ่ง
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ใช้พลังจิตฝืนบุกทะลวงเข้าไป
เสียง ‘ตู้ม!’ ดังขึ้น
เศษผลึกแก้วแตกกระจายกลายเป็นละอองฝุ่นลอยฟุ้งในพริบตา พลังจิตของหานเจวี๋ยพลันจับความทรงจำได้บางส่วน
นั่นเป็นตำหนักวังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่เหนือทะเลเมฆราวกับแดนเซียน มีเทพธิดามากมายกำลังวิ่งเล่นและส่งเสียงหัวเราะอยู่บนท้องนภา
หลังจากที่หานเจวี๋ยอ่านความทรงจำส่วนนี้แล้ว เขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าพลังจิตของเขากลับเพิ่มขึ้นไม่น้อย!
น่าสนใจ!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างในเวลารวดเร็ว ยังไม่ทันที่สิงหงเสวียนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของหานเจวี๋ย ทุกอย่างก็จบลงแล้ว
“ไม่เลว เป็นของล้ำค่าที่ดีจริงๆ”
หานเจวี๋ยยิ้มเอ่ยด้วยความพอใจ จากนั้นจึงหยิบรองเท้าวิเศษเก้าดารามอบให้กับสิงหงเสวียน
แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
สิงหงเสวียนพลันคว้ามือของหานเจวี๋ยไว้ ขยับเรือนกายแนบชิด นางโน้มตัวเข้าใกล้ เอ่ยด้วยลมหายใจแผ่วเบา “ท่านพี่… ”
หานเจวี๋ยถอนหายใจ ถอดเสื้อผ้าอย่างไม่มีบิดพลิ้ว
สิงหงเสวียนรั้งเขาไว้ ดวงตางามวิบวาวราวกับผ้าไหม เอ่ยหัวเราะอย่างซุกซน “ไม่ต้องรีบน่า ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป พวกเราสวมเสื้อผ้าก่อน…”
หานเจวียขมวดคิ้ว
ภรรยาผู้นี้ได้คืบจะเอาศอกนี่!
…..
หนึ่งเดือนต่อมา
สิงหงเสวียนเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทานด้วยใบหน้าพรายยิ้ม หันไปพยักหน้าน้อยๆ ให้กับพวกหยางเทียนตงและสวินฉางอัน ก่อนจะหมุนตัวจากไป
อู้เต้าเจี้ยนขมวดคิ้ว เอ่ยถามเสียงต่ำว่า “เหตุใดบนตัวนางถึงมีกลิ่นอายของนายท่านเข้มข้นเช่นนี้”
ไก่คุกรัตติกาลบนต้นฝูซังแย้มยิ้มอย่างแปลกประหลาด เอ่ยว่า “เพราะนางกินนายท่านน่ะสิ!”
“หา?”
อู้เต้าเจี้ยนตกใจ รีบร้อนหยัดกายลุกขึ้นเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานทันที
สวินฉางอันส่ายหน้ายิ้มและกล่าวว่า “บนโลกนี้ความรักคือสิ่งใดกัน … ”
ไก่คุกรัตติกาลพึมพำตอบ “เซี่ยนเอ๋อร์ตายแล้ว!”
รอยยิ้มของสวินฉางอันพลันหุบลงในชั่วพริบตา
ไก่คุกรัตติกาลไม่ได้หยอกล้อ เซี่ยนเอ๋อร์ตายไปแล้วจริงๆ เมื่อสิบปีก่อน นางตายขณะออกไปฝึกประสบการณ์ข้างนอก หลี่ชิงจื่อทราบถึงอดีตที่ผ่านมาของนางกับสวินฉางอัน เพราะอย่างนั้นจึงตั้งใจมาบอกกล่าวเขาเป็นพิเศษ ทำเอาหลายปีนั้นสวินฉางอันนั่งเหี่ยวแห้งหน้าต้นฝูซัง สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เจ้าไก่อัปลักษณ์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...