ชายชราจมูกแดงยิ้มกล่าว เขาพินิจพิเคราะห์หานเจวี๋ย พลางทำเสียงจุ๊ๆ ด้วยความประหลาดใจ
“ระดับสร้างฐานขั้นสาม แต่ความเร็วการฝึกลมหายใจของเจ้าไม่ใช่ระดับสร้างฐานขั้นสามแน่นอน เดาว่าเจ้าบรรลุไปถึงระดับสร้างฐานขั้นเก้าแล้วกระมัง”
หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะระวังตัว
ไม่นึกว่าจะถูกมองทะลุปรุโปร่ง
ผู้ที่มองตบะของเขาออกเช่นนี้ เขาเพิ่งจะเคยพบเป็นครั้งแรก
หรือว่าคนผู้นี้มีตบะระดับเดียวกับเซียนซีเสวียน?
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป เจ้าสมัครใจมาเอง หรือว่าอาจารย์ของเจ้าส่งเจ้ามา?” ชายชราจมูกแดงเอ่ยถาม
จากความเร็วในการฝึกฝนของหานเจวี๋ย ดูไม่เหมือนกับเขาเสนอตัวมาเอง
หานเจวี๋ยตอบว่า “อาจารย์ของข้าเซียนซีเสวียนส่งข้ามา”
‘ข้ามีคนหนุนหลัง อย่าได้คิดร้ายกับข้าเชียว!’
[หลี่ชิงจื่อเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
ตัวอักษรหนึ่งบรรทัดลอยขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
เขารีบกดเปิดหน้าต่างค่าสถานะ ตรวจสอบค่าความสัมพันธ์
[หลี่ชิงจื่อ: ระดับปราณก่อกำเนิดขั้นแปด เจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์ รักใคร่ชื่นชมเซียนซีเสวียน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
เจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์!
นั่นไม่ใช่ประมุขของสำนักหรอกหรือ?
หานเจวี๋ยตะลึงงัน
ท่านผู้นี้ยังชอบพออาจารย์ของเขาอีกด้วย?
เมื่อนึกถึงภาพหลี่ชิงจื่อกับเซียนซีเสวียนอยู่ด้วยกัน เขาก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว
หลี่ชิงจื่อไม่คู่ควร!
“อาจารย์เจ้ามอบหมายภารกิจให้เจ้าอย่างนั้นหรือ” หลี่ชิงจื่อถาม
หานเจวี๋ยกล่าวตอบ “หากว่ามี ข้าจะบอกท่านได้ที่ไหนกัน”
หลี่ชิงจื่อยิ้มตาหยีเอ่ย “อ้อ? เป็นภารกิจที่บอกผู้อื่นไม่ได้ด้วย?”
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ
หลี่ชิงจื่อบิดขี้เกียจพลางยิ้มกล่าว “เช่นนั้นเจ้ามากับข้าเถอะ เจ้าก่อเรื่องเข้าแล้ว เห็นแก่หน้าอาจารย์ของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าแก้ปัญหาเอง”
หานเจวี๋ยสงสัย แต่ก็ลุกขึ้นตามไป
เป็นถึงเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์ หลี่ชิงจื่อคงไม่ทำร้ายเขา
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในป่า
“รู้หรือไม่เหตุใดข้าถึงมาที่นี่” หลี่ชิงจื่อไพล่สองมือไว้ด้านหลังพลางถามยิ้มๆ
หานเจวี๋ยส่ายหน้า
อาจจะเพราะประจบเอาใจ แต่เขาพูดออกไปไม่ได้ เจ้าสำนักเป็นผู้ที่ต้องไว้หน้าเช่นกัน
“สัตว์ปีศาจที่อยู่ใกล้เจ้านับวันยิ่งเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มว่าจะอาละวาด ที่สำคัญคือตอนนี้สัตว์ปีศาจเหล่านี้สงบนัก ราวกับว่ากำลังซุ่มซ่อน หากสามารถสั่งสัตว์ปีศาจได้มากมายเช่นนี้ จะต้องเป็นราชาปีศาจแน่นอน เดาว่าเจ้าไปยั่วยุมังกรขาวใจพยัคฆ์เข้า พ่อของเจ้านั่นเป็นราชาปีศาจที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ มันมีสายเลือดของราชาปีศาจโดยกำเนิด มันรวบรวมสัตว์ปีศาจจำนวนมากเช่นนี้ ก็มีแต่เพื่อจัดการกับเจ้า”
เมื่อฟังหลี่ชิงจื่อพูดจบ หานเจวี๋ยอดนึกถึงแมวขาวเมื่อสองปีก่อนขึ้นมาไม่ได้
หรือว่านั่นคือมังกรขาวใจพยัคฆ์?
หานเจวี๋ยเล่าสิ่งที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้ให้ฟัง
“ท่าร่างของเจ้าว่องไวกว่ามังกรขาวใจพยัคฆ์อย่างนั้นหรือ” หลี่ชิงจื่อถามอย่างแปลกใจ
หรือว่าเจ้าเด็กนี่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากศิษย์น้องหญิง?
เมื่อคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเซียนซีเสวียน หลี่ชิงจื่ออดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
[ความประทับใจที่หลี่ชิงจื่อมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1.5 ดาว]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ข้าสำเร็จท่าร่างวิชาหนึ่ง จะว่องไวกว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดา”
เขาพลันปรับสมดุลภายในจิตใจ
ดูเหมือนไม่ใช่ว่าเขาอ่อนด้อย แต่เป็นมังกรขาวใจพยัคฆ์ที่ว่องไวจริง หากเปลี่ยนเป็นศิษย์คนอื่น คาดว่าคงตามไม่ทัน!
ภายใต้การนำของหลี่ชิงจื่อ หานเจวี๋ยมาถึงริมหน้าผาแห่งหนึ่ง เขาก้มหน้ามองลงไป เห็นแต่ร่างของสัตว์ปีศาจอยู่ทั่วทุกหัวระแหงเบื้องล่าง
สัตว์ปีศาจแต่ละตัวหน้าตาน่ากลัว ตัวสูงใหญ่ดั่งเนินเขา ตัวที่เล็กก็เหมือนปีศาจแมลงนานาชนิด และยังมีขนาดเท่ากับอ่างล้างหน้าอีก
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยได้เห็นภาพเช่นนี้ ใบหน้าจึงซีดเซียว
เขานับดูคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีสัตว์ปีศาจนับพันเลยทีเดียว
หากว่าทั้งหมดนี้ม้วนกวาดมาที่หอของเขา แน่นอนว่าเหยียบแบนได้สบายๆ ส่วนเขาทำได้แค่หนีไป
สายตาของเขาหยุดอยู่บนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แมวขาวตัวนั้นเมื่อสองปีก่อนนอนหลับสบายอยู่ด้านบน
หานเจวี๋ยไร้ซึ่งคำพูด
เขาจะโชคดีเกินไปแล้วกระมัง มาเจอราชาปีศาจน้อยเข้าพอดี
“ผู้อาวุโส ท่านบอกว่าจะช่วยข้าแก้ปัญหา หมายถึงจะสังหารมันหรือ” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม
หลี่ชิงจื่อเหลือบมองเขา กล่าวว่า “มังกรขาวใจพยัคฆ์ตัวนี้มีศักยภาพสูงนัก หากสังหารไป ทางสำนักจะไม่เอาเรื่องข้าหรอกหรือ?”
หานเจวี๋ยกลัดกลุ้มใจ “เช่นนั้นจะแก้ไขอย่างไร”
“เจ้าก็ไปกำราบมันเสีย!”
หลี่ชิงจื่อยิ้มกล่าวพลางลูบหนวด
หานเจวี๋ยได้ยินดังนั้น ก็หันหลังจะกลับทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...