บทที่ 165 บุตรแห่งสวรรค์ก่อเรื่องโกลาหล ความภาคภูมิของหานเจวี๋ย
หลังจากมู่หรงฉี่จากไปพร้อมกับสวินฉางอัน หยางเทียนตงก็มาพบหานเจวี๋ย
เขาเผยจุดประสงค์การมาเยือนของตัวเอง
หานเจวี๋ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ไม่นึกว่าจะมีคนแย่งรับศิษย์ด้วย?
“เจ้าคงไม่ได้อยากรับศิษย์ไว้เป็นสมุนของตัวเอง แล้วไปแย่งชิงถิ่นอาศัยของเผ่าปีศาจหรอกกระมัง” หานเจวี๋ยถามอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
หยางเทียนตงถูกมองออกก็กระวนกระวายทันที รีบโบกมือพร้อมปฏิเสธ “จะเป็นไปได้อย่างไร!”
หานเจวี๋ยแค่นเสียง “วันหน้าค่อยดูอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ก็ไม่มีต้นกล้าดีๆ ให้เจ้ารับเป็นศิษย์ด้วย ข้ารับคนเข้าสำนักต้องดูคุณสมบัติ ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าเอาคนด่างพร้อยกลับมาให้ข้าจากทั่วทุกที่”
“ฮี่ๆ เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์เองก็กลัววุ่นวาย”
“ออกไปเถิด ระดับสุญตาก็ยังไม่บรรลุ เกรงว่าเจ้าจะกลายเป็นศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดในสำนักข้าแล้ว”
“ขอรับ…”
หยางเทียนตงหน้าม่อยคอตกออกไป พลังบำเพ็ญของเขารั้งท้ายแล้วจริงๆ
ดีที่สวินฉางอันยังอยู่เป็นเพื่อนเขา
จู่ๆ อู้เต้าเจี้ยนก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน จัดศิษย์คนหนึ่งมาให้ข้าดูแลได้ทุกเมื่อเลยนะเจ้าคะ”
รับศิษย์ดูเหมือนจะสนุกมาก!
“เจ้าต้องการศิษย์ชายหรือศิษย์หญิง” หานเจวี๋ยระบายยิ้มบางพลางเอ่ยถาม
อู้เต้าเจี้ยนหัวเราะคิกคัก “ย่อมเป็นศิษย์หญิงอยู่แล้ว ศิษย์ชายในมือท่านมีมากเกินไป ข้าเห็นจนชินแล้ว แต่ศิษย์หญิงยังมีน้อย หลิงเอ๋อร์ปกติมุ่งแต่ฝึกบำเพ็ญ และก็ไม่ชอบพูดคุยกับข้าด้วย”
“ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ คุยเล่นอะไรกัน”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้บอกว่าข้าชอบ…”
“เอาละ เรื่องนี้รอให้เจ้าถึงมหายานก่อนค่อยว่ากัน”
อู้เต้าเจี้ยนทำปากยื่น รู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยชอบเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ของนาง ใบหน้าที่สูงส่งเย็นชาดั่งเทพธิดากลับฉายแววน้อยใจอย่างเด็กสาวตัวน้อยออกมา จะว่าไปก็ดูน่ารักแปลกๆ
“ศิษย์หญิงคนต่อไป ก็ให้เจ้ารับไว้แล้วกัน”
“ขอบคุณนายท่านมาก!”
อู้เต้าเจี้ยนยิ้มกว้างดุจดอกไม้ผลิบานทันที
หานเจวี๋ยรู้สึกเหมือนกำลังเย้าแหย่เด็กน้อยอยู่
เฮ้อ สภาพจิตใจแก่เฒ่าแล้วหรือนี่
ไม่รู้เพราะเหตุใด หานเจวี๋ยรู้สึกว่าหัวใจของตนเองไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
จะต้องตั้งมั่นในมรรคจิต!
หานเจวี๋ยรีบหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา จากนั้นเริ่มสาปแช่ง
……
สามปีต่อมา
ฟางเหลียงกลับมาถึง เขามาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ยอย่างกุลีกุจอ
หลังคุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย เขาคารวะก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เล่าเรื่องราวของตนกับธิดาเทพเผ่าปีศาจอย่างไม่หมกเม็ด
ครั้งหนึ่งบังเอิญพบกัน เขาเห็นกับตาว่าปลาตัวหนึ่งดิ้นทุรนทุรายอยู่ริมน้ำ จึงเดินเข้าไปจับปลาปล่อยลงสู่แม่น้ำ คิดไม่ถึงว่าจะได้รับความโปรดปรานจากธิดาเทพเผ่าปีศาจเพราะเหตุนี้
ธิดาเทพเผ่าปีศาจผู้นี้ถูกศัตรูทำร้ายจนเจ็บหนัก ทำได้เพียงกลายร่างเป็นปลาตัวหนึ่งเพื่อซ่อนตัว
ฟางเหลียงเห็นปลาตัวนั้นคอยตามตัวเองตลอดเวลา รู้สึกว่ามีสติปัญญา จึงใช้ตะกร้าไม้ไผ่ช้อนขึ้นมา
ต่อมาก็พบว่าปลาตัวนี้ผิดแปลกไม่ธรรมดา ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บ ฟางเหลียงจึงใช้พลังวิญญาณรักษาบาดแผลให้มัน
หานเจวี๋ยฟังอย่างได้อรรถรส
ฟางเหลียงถามอย่างกระสับกระส่ายว่า “อาจารย์ปู่ ข้าสู่ขอนางได้หรือไม่”
หานเจวี๋ยกล่าว “หากเจ้ารู้สึกชอบจากใจจริง ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่อย่าให้การฝึกบำเพ็ญของเจ้าล่าช้าเพราะสตรี เป้าหมายของเจ้าคือการบรรลุเป็นเซียน หาใช่การใช้ชีวิตบนโลกปุถุชนเช่นมนุษย์ทั่วไป”
ฟางเหลียงถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ เอ่ยว่า “ศิษย์หลานเข้าใจแล้ว”
ความจริงเขาเองก็ค่อนข้างสับสนอยู่เหมือนกัน
ช่วยไม่ได้ที่เขาได้พบเจอความรักครั้งแรก อีกฝ่ายรุกเข้ามารุนแรงเกินไป เป็นผลให้เขาเอาแต่โดนจูงจมูกเดิน
ไม่รู้ทำไม เขามักรู้สึกว่าการแต่งงานมีลูกไม่ใช่ชีวิตที่ตนเองควรจะมี
เป้าหมายของเขาคือหานเจวี๋ย
เขาอยากใช้ชีวิตแบบอาจารย์ปู่
หลังจากฟางเหลียงออกไป หานเจวี๋ยไม่ได้คิดมากความ
ในความคิดของเขา นี่คือเคราะห์อย่างหนึ่งที่ฟางเหลียงต้องพบเจอ
หากไม่อาจมองสาวงามทะลุปรุโปร่งได้ จะมองมหามรรคกระจ่างได้อย่างไร
หานเจวี๋ยเองก็เคยตกอยู่ในความขมขื่นของความรัก ทว่านั่นเป็นเมื่อชาติก่อน
ชายและหญิงต่างค้ำยันท้องฟ้า แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันกลับทำลายฟ้านั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...