บทที่ 169 จี้เซียนเสินรบหยางซ่าน
หลังจากซูฉีเดินทางจากไป เวลาก็ผ่านไปอีกสิบปี
หานเจวี๋ยมุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด ตบะยกระดับขึ้นอย่างมั่นคง
ในวันนี้
เขาลืมตาขึ้นมา นำหนังสือแห่งความชั่วร้ายออกมาสาปแช่ง ขณะเดียวกันก็เปิดดูจดหมายไปด้วย
[โจวฝานสหายของท่านหลอมร่างสกรรจ์ใหม่อีกครั้ง ชาติก่อนกับชาตินี้ผสานเป็นหนึ่ง พลังมรรคเพิ่มพูน]
[โม่จู๋สหายของท่านตระหนักในสัจธรรมฟ้าดินขณะฝึกบำเพ็ญ ระดับความเข้าใจถูกยกระดับ]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x158,907
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำศัตรูคู่แค้นของท่าน]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านตกอยู่ในสภาพเกือบตายแต่รอดมาได้ หลอมรวมจิตสังหารขึ้นมา]
[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านถูกขังอยู่ในค่ายกลอันโหดเหี้ยม เป็นตายไม่แน่ชัด]
[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์อสูร] x24,113
……
‘ยังคงวุ่นวายเช่นเคย!’
สำหรับใครบางคนนี่อาจจะไม่ใช่ความวุ่นวาย แต่เป็นความตื่นเต้น
แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไร้คู่ต่อกรในโลกมนุษย์แล้ว แต่ยังไม่สนใจจะออกไปเที่ยวพเนจรในโลกกว้าง
ต่อไปสิ่งที่จะมีมากคือโอกาส ตอนนี้ไม่อาจชักช้าลีลา จนส่งผลให้ในอนาคตพบเจอศัตรูผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อกรด้วยได้
หานเจวี๋ยไม่อยากตายอีกแล้วจริงๆ!
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังปลงอนิจจังอยู่ อู้เต้าเจี้ยนเห็นเขาลืมตา จึงถามขึ้นมา “นายท่าน ดูเหมือนว่าเถาน้ำเต้าพิภพเซียนจะแตกหน่อแล้ว”
หานเจวี๋ยได้ยินก็กล่าวว่า “จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีมาก อีกครึ่งปีข้าจะออกไปดู”
อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความอยากรู้ “เหตุใดต้องครึ่งปีด้วย”
หานเจวี๋ยตอบอย่างจริงจังขณะยังถือหนังหนังสือแห่งความโชคร้าย “ทำการไม่อาจยุ่งเหยิงได้ การฝึกบำเพ็ญก็ต้องมีจังหวะ ข้าขอสงบใจก่อน”
อู้เต้าเจี้ยนไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกว่าเยี่ยมมาก
หลังจากใช้เวลาครึ่งปีสาปแช่งศัตรูทั้งหมดไปหนึ่งรอบ หานเจวี๋ยถึงจะลุกขึ้นออกไปจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน
เขามาตรงหน้าต้นฝูซัง หยางเทียนตง ถูหลิงเอ๋อร์ และราชามังกรสามหัวต่างพากันลุกขึ้นคารวะ
ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นก็มองมาทางหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยจ้องมองเถาน้ำเต้าพิภพเซียนบนต้นฝูซัง ท่าทางราวกับคิดอะไรอยู่
หนึ่งในเครือเถาเหล่านั้นเริ่มแตกหน่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกฎเกณฑ์บางอย่างหรือไม่ แต่บังเอิญแตกมาเจ็ดหน่อพอดี
น้ำเต้าฟ้าประทานในสมัยบุพกาลก็มีเจ็ดลูก
เด็กพี่น้องน้ำเต้าในการ์ตูนก็มีเจ็ดคน
ในสภาพการณ์ที่ไม่อาจรู้ได้ เจ็ดอาจเป็นตัวแทนของกฎเกณฑ์บางอย่าง
‘ดูท่าทางต้นฝูซัง เถาน้ำเต้าพิภพเซียน วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ดอกพลับพลึงแดง และโสมวิญญาณบรรพกาลจะสามารถส่งผลกระทบต่อกัน เพิ่มความเร็วในการเติบโตให้แก่กันและกันได้’ หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
เขาเฝ้ารอคอยให้เถาน้ำเต้าพิภพเซียนออกผลน้ำเต้า
น้ำเต้าเหล่านี้สามารถหลอมเป็นของวิเศษได้ และเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตได้ด้วย
ความกระหายในของวิเศษของหานเจวี๋ยไม่มากนัก แต่คาดหวังให้น้ำเต้าเปลี่ยนรูปร่างมากกว่า
การฝึกบำเพ็ญคือสิ่งที่โดดเดี่ยวและจืดชืด หลายปีมานี้หากไม่มีไก่คุกรัตติกาล อู้เต้าเจี้ยน และคนอื่นๆ อยู่เป็นเพื่อน เกรงว่านิสัยของหานเจวี๋ยก็คงเปลี่ยนไปด้วย
นอกจากนี้ ภูตน้ำเต้าที่กลายร่างก็สามารถเป็นกำลังรบสำคัญให้เขาในวันหน้าได้
“บางทีข้าควรตั้งชื่อให้สายของข้าเสียหน่อย”
หานเจวี๋ยพลันเกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง
ช้าเร็วก็ต้องมีสักวันที่เขาจะขึ้นไปสู่สวรรค์เบื้องบน สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ยากที่จะติดตามเขาไปตลอดชีวิต
อีกอย่างในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็แบ่งเป็นหลายสาขา สิบแปดยอดเขาและยอดเขาหลัก สายของผู้อาวุโสแต่ละคน แม้ว่าจะเป็นสำนัก แต่ว่าสิ่งที่ถ่ายทอดมากมายหลากหลาย
หานเจวี๋ยไม่ได้คิดมาก
ตอนนี้เขายังไม่เหมาะที่จะแบกรับการถ่ายทอดมรดกวิชาให้สายลูกศิษย์ด้วยตัวคนเดียว
รอบรรดาศิษย์ของเขาเติบโตอย่างสมบูรณ์ก่อนค่อยว่ากัน
หยุดอยู่ครู่หนึ่ง หานเจวี๋ยถึงจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
ในขณะเดียวกัน เกิดรอยแยกเส้นหนึ่งบนท้องฟ้าดวงดาวอันกว้างใหญ่ เงาร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมา และเดินไปยังโลกมนุษย์
นั่นคือหยางซ่าน!
หยางซ่านสวมเกราะเงินที่ทั้งหนักและหนา รูปร่างกำยำล่ำสัน บนศีรษะสวมมงกุฎเงินรูปมังกรเจียว มือถือหอกยาวที่มีเปลวเพลิงคุโชนอยู่ตรงปลาย
เขาเผยรอยยิ้มดุร้าย
“ฝันร้ายของเจ้ามาถึงแล้ว!”
ในใจหยางซ่านเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในที่สุดเขาก็จะได้แก้แค้นให้ศิษย์น้องหญิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...