ในเมื่อต้องเข้าร่วมการทดสอบของสำนักฝ่ายใน เขาก็จำเป็นต้องช่วงชิงสามอันดับแรกมาให้ได้!
เมื่อมีถ้ำเทวาฟ้าประทานแล้ว เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังวิญญาณอีก สามารถเก็บตัวไม่โผล่หน้าได้อย่างแท้จริง
ก่อนอื่น เขาต้องเพิ่มพูนตบะให้แกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาสอบถามจากเซียนซีเสวียนมาแล้ว การทดสอบของสำนักฝ่ายในครั้งหน้ายังมีเวลาอีกแปดปี
หานเจวี๋ยไปที่สระวิญญาณอัคคีก่อน และซื้อเวลาใช้สระหนึ่งปี
ในสระวิญญาณอัคคีมีคนไม่น้อย ราวยี่สิบถึงสามสิบคน หานเจวี๋ยหามุมสำหรับตนเองแล้วเริ่มนั่งขัดสมาธิฝึกฝน
การปรากฏตัวของเขาดึงดูดความสนใจของศิษย์หญิงจำนวนหนึ่ง
“คนผู้นั้นรูปงามมากเลย”
“หรือว่าจะเป็นศิษย์รูปงามที่ลึกลับของยอดเขาหยกวิเวกผู้นั้น?”
“น่าจะใช่กระมัง นอกจากเขาแล้ว ข้ายังไม่เคยเห็นผู้ใดรูปงามเท่าเขาเลย”
“ข้าอยากรู้จักเขาจริงๆ”
หานเจวี๋ยได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของพวกนางแว่วๆ แต่ทำเหมือนไม่ได้ยิน
ไม่มีสตรีในใจ ย่อมฝึกฝนได้ดีกว่า!
……
หนึ่งปีต่อมา
รากวิญญาณอัคคีของหานเจวี๋ยก็บรรลุถึงระดับสร้างฐานขั้นแปด
บางทีอาจเป็นเพราะรากวิญญาณอัสนีถึงระดับสร้างฐานขั้นเก้าแล้ว จึงส่งผลให้การฝึกฝนพลังวิญญาณสายอื่นเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อยด้วย
หานเจวี๋ยตรงไปยังสระวิญญาณวารีโดยไม่คิดจะหยุดพัก
เช่นนี้เอง สี่ปีต่อมา
รากวิญญาณธาตุอื่นๆ ของหานเจวี๋ยก็บรรลุระดับสร้างฐานขั้นแปดทั้งหมดเช่นกัน!
ยังมีเวลาเหลืออีกสามปี
เขายังคงฝึกฝนต่อ
พยายามทำให้รากวิญญาณทั้งหกสายไปถึงระดับสร้างฐานขั้นเก้าก่อนการทดสอบของสำนักฝ่ายใน!
ณ สระวิญญาณวายุ
หานเจวี๋ยเพิ่งเข้ามาก็เห็นบรรดาศิษย์ล้อมวงอยู่ด้วยกัน
“โจวฝาน ไม่ใช่ว่าเจ้าขู่ว่าจะเหนือกว่าพวกเราก่อนการทดสอบของสำนักฝ่ายในครั้งหน้าหรือ เหตุใดถึงมีตบะแค่ระดับสร้างฐานขั้นหนึ่ง”
“ฮ่าๆๆ คุณสมบัติรากวิญญาณระดับเขา จะเหนือกว่าพวกเราได้อย่างไร”
“วันนี้หากเจ้ายอมคุกเข่าโขกหัวให้พวกข้า พวกข้าจะไม่สร้างความลำบากใจให้กับเจ้า”
“ศิษย์พี่ แต่ก่อนเจ้าเด็กนี่พึ่งพาศิษย์น้องหญิงลู่มาโดยตลอด ตอนนี้ศิษย์น้องหญิงลู่เตรียมเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับศิษย์เอกของยอดเขากระบี่แล้ว ต่อไปต้องตัดสัมพันธ์กับเขาแน่นอน ตอนนี้พวกเราจัดการเขาได้ ไม่แน่ว่าศิษย์น้องหญิงลู่อาจจะดีใจด้วยซ้ำ”
ได้ยินคำพูดของศิษย์เหล่านี้แล้ว หานเจวี๋ยส่ายหน้า จากนั้นก็เดินไปหามุมนั่งลงฝึกบำเพ็ญ
ความขัดแย้งเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในสำนักหยกพิสุทธิ์
แม้ว่าสำนักหยกพิสุทธิ์จะเป็นสำนักคุณธรรมที่มีชื่อเสียง แต่สถานที่ใดมีคนก็ย่อมมียุทธภพ
แต่ก่อนหานเจวี๋ยเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
“ฮึ สวะอย่างพวกเจ้ากล้าลงมือกับข้าที่นี่หรือ ไม่กลัวหอคุมกฎลงโทษหรือไร ช่วงนี้ลัทธิมารกระเหี้ยนกระหือรือจะก่อการร้าย พวกเจ้ายังจะขัดแย้งกันภายในอีก ข้ามีเหตุผลที่จะสงสัยว่าพวกเจ้าเป็นไส้ศึกของลัทธิมาร!”
เสียงฮึดฮัดดังขึ้นตามมา แข็งกร้าวเป็นอย่างมาก
หานเจวี๋ยลืมตามองไป คนพูดคือโจวฝานที่ถูกล้อมอยู่
[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]
ตัวอักษรแถวหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย ทำให้เขาอึ้งงัน
ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด?
เขาเลือกตรวจสอบดูทันที
[โจวฝาน ผู้บำเพ็ญระดับมหายานกลับชาติมาเกิด ถือกำเนิดในเมืองมนุษย์ ถูกสำนักหยกพิสุทธิ์ตรวจสอบพบรากวิญญาณพร้อมกับคนรักที่เติบโตมาด้วยกัน มีสมบัติวิญญาณซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ สมบัติวิญญาณได้รับความเสียหายอย่างหนักเพราะปกป้องเขา ตอนนี้กำลังซ่อมแซมตัวเอง ขณะที่โจวฝานฝึกฝนจะดูดซับพลังวิญญาณโดยไม่รู้ตัว ทำให้การฝึกฝนของเขาช้าลงอย่างน่าประหลาด ขณะนี้สมบัติวิญญาณใกล้จะซ่อมแซมตัวเองสำเร็จแล้ว]
หานเจวี๋ยเผยสีหน้าประหลาด
‘ภูมิหลังที่มาดุเดือดไปหน่อยนะ
ถ้าอยู่ในนิยายก็เป็นพระเอกได้เลย’
เขาหรี่ตามองไป เห็นว่าโจวฝานที่ถูกล้อมอยู่มีสีหน้าสงบมาก ต่อให้ถูกคนผลักก็ไม่โมโหเลย แม้รูปโฉมไม่หล่อเหลา แต่ให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่และอดทนอดกลั้น
จะช่วยตัวเอกคนนี้ดีหรือไม่?
ช่วยมะเหงกอะไรเล่า!
หานเจวี๋ยหลับตาลงทันใด
ต่อให้ที่มาของโจวฝานสุดยอดมากกว่านี้ ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหานเจวี๋ย
ตรงกันข้าม โจวฝานเป็นผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาคิดจะทำเวลาฝึกฝนกว่าเดิม
เป้าหมายของหานเจวี๋ยคือมีชีวิตเป็นอมตะ ไร้คู่ต่อกร
รอจนเขาไร้คู่ต่อกรแล้ว ก็จะสามารถทำอะไรได้ตามใจ
ในตอนนี้หากไม่เกิดปัญหาได้ ก็พยายามให้ถึงที่สุด
ศิษย์กลุ่มนั้นด่าโจวฝานอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายถูกโจวฝานด่าจนถอยหนีไม่กล้าลงมือ
อยู่ข้างในนี้ต้องใช้หินวิญญาณแลกมา หากลีลาต่อไปพวกเขามีแต่จะเสียเปรียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...