บทที่ 177 อีกาทองทะลวง ความคิดดื้อรั้นของฉู่ซื่อเหริน
หลังจากสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของเทพปีศาจเอ้อไหลสลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว หานเจวี๋ยก็มาตรงหน้าฟางเหลียงก่อนรักษาอาการบาดเจ็บให้
ฟางเหลียงทั้งดีใจและละอายใจ
เขาถามอย่างระมัดระวังว่า “อาจารย์ปู่ ท่านมาได้อย่างไร”
หานเจวี๋ยตอบ “พลังวิเศษที่สอนให้พวกเจ้ามีไว้เพื่อเรียกข้า เรื่องนี้อย่าได้บอกคนอื่น รวมถึงอาจารย์ของเจ้าด้วย”
ฟางเหลียงเข้าใจแจ่มแจ้งในทันที ความรู้สึกเคารพเลื่อมใสในตัวหานเจวี๋ยราวกับน้ำหลากที่ไหลไม่หยุด ยากที่จะบรรยายออกมาได้
หานเจวี๋ยยกมือขึ้น ดึงจี้เซียนเสินที่อยู่ไกลๆ เข้ามาหา
ภายใต้การรักษาด้วยพลังเวทเซียนสวรรค์ของเขา อาการของทั้งสองคนฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ดีที่จิตดั้งเดิมไม่ได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าเทพปีศาจเอ้อไหลไม่ได้อยากจะสังหารพวกเขา
หานเจวี๋ยขี้เกียจจะนึกถึงแผนการร้ายของเทพปีศาจเอ้อไหล กลับไปค่อยจัดหนังสือแห่งความโชคร้ายให้
จี้เซียนเสินมองหานเจวี๋ยด้วยสีหน้าซับซ้อน ถามขึ้นมาว่า “ท่านเป็นมนุษย์เซียนแล้ว เหตุใดถึงอยู่ในโลกมนุษย์ได้”
หานเจวี๋ยกล่าวหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม “กราบข้าเป็นอาจารย์ แล้วข้าจะสอนให้”
“ฮึ!”
จี้เซียนเสินหันหน้าหนี
เขาอดครุ่นคิดในใจไม่ได้ หานเจวี๋ยเก่งกาจกว่าอาจารย์เขามากก็จริง แต่ในด้านความรู้สึกเขาไม่อาจรับได้
เขาเห็นหานเจวี๋ยเป็นสหายมาโดยตลอด และก็เป็นคู่แข่งด้วย
“รีบกลับไปเถอะ แดนปีศาจนี้ไม่อาจข่มเหงรังแกได้ง่ายขนาดนั้น”
หานเจวี๋ยลุกขึ้นกล่าว จากนั้นก็เดินเข้าไปในรอยแยกสีดำ กลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทาน
รอยแยกนี้เขาสามารถเข้าไปได้คนเดียวเท่านั้น หากจี้เซียนเสินและฟางเหลียงตามเข้าไป โดยไม่ได้เชื่อมต่อกับวิชาอัญเชิญเทพ พวกเขาจะหลงทางอยู่ในความว่างเปล่า
หลังจากหานเจวี๋ยไปแล้ว ฟางเหลียงกับจี้เซียนเสินจมดิ่งอยู่ในความเงียบ
ฟางเหลียงพูดจาเย้าหยอก “ใครล่ะถึงเป็นอันดับหนึ่งในหล้า”
“ฮึ กลับกันเถอะ เผื่อเจ้านั่นจะมาหาสร้างปัญหาให้พวกเราอีก”
“อืม”
คนทั้งสองรีบจากไป
ระหว่างทาง พวกเขาถกเถียงกันว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่
…..
ครั้นกลับถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา จากนั้นเริ่มสาปแช่งเทพปีศาจเอ้อไหล
จัดให้!
‘เซียนสวรรค์ไท่อี่ในโลกเบื้องบนก็เรียกว่าเป็นเทพปีศาจได้แล้ว ดูท่าเทพปีศาจอาจจะไม่แข็งแกร่งมากก็ได้’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความสงสัย “นายท่าน เมื่อครู่ท่านไปไหนมา เหตุใดถึงมีกลิ่นอายของเจ้าเด็กฟางเหลียงบนตัวท่านด้วย”
หานเจวี๋ยตอบว่า “ไปช่วยเขามาเล็กน้อย เจ้าเด็กนี่อยู่กับจี้เซียนเสิน เกือบโดนเล่นงานจนตายแล้ว ดูเถอะ ด้านนอกอันตรายมาก เจ้าอย่าได้ออกไปเด็ดขาด”
อู้เต้าเจี้ยนขมวดคิ้ว
‘ฟางเหลียงก็แข็งแกร่งมากแล้ว จี้เซียนเสินยิ่งเป็นอันดับหนึ่งในหล้า สองคนนี้ร่วมมือกันยังเกือบถูกโจมตีตายหรือ
ดูท่าทางจะออกไปโลกภายนอกไม่ได้จริงๆ’
อู้เต้าเจี้ยนปลุกเร้าจิตใจให้ฮึกเหิม แล้วจึงฝึกบำเพ็ญต่อ
หานเจวี๋ยสาปแช่งไปด้วย สังเกตดูฉู่ซื่อเหรินที่อยู่ใต้ต้นฝูซังไปด้วย
‘หลังจากขึ้นเขามาเจ้าหมอนี่ดันไม่ฝึกบำเพ็ญเลย!
ประสาท! ไม่ฝึกบำเพ็ญแล้วจะมากราบอาจารย์ทำไม
จะว่าไปก็น่าแปลก เป็นพระพุทธองค์กลับชาติมาเกิดแต่กลับฝึกเต๋า เกรงว่าคงจะเป็นมนุษย์หมาป่า[1]ละมั้ง
สำนักพุทธคิดจะใช้กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ[2]กับสำนักเต๋าหรือ’
หานเจวี๋ยสังเกตท่าทีของฉู่ซื่อเหรินอยู่ตลอด ไม่กล้าบุ่มบ่ามอบรมเขา
‘หรือไม่ก็ไปสอบถามเรื่องบรรพชนพุทธภควัตกับพี่ใหญ่สักหน่อย?’
หานเจวี๋ยคิดว่าทำได้
ครั้งหน้าค่อยไปก็แล้วกัน อย่างไรเสียฉู่ซื่อเหรินก็ไม่อยากฝึกบำเพ็ญ
รอถึงตอนนั้นที่เขาใกล้แก่ตาย จะต้องร้อนใจอย่างแน่นอน
พอนึกถึงฉู่ซื่อเหริน ก็ทำให้หานเจวี๋ยนึกถึงพระอัปลักษณ์สวินฉางอัน
‘ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ ทำไมยังไม่กลับมาอีก สงสารมู่หรงฉี่ศิษย์หลานของข้าที่ต้องรับกรรมอยู่ทุกวัน’
ตั้งแต่ติดตามสวินฉางอันออกไป มู่หรงฉี่ถูกโจมตีอยู่หลายครั้ง ทั้งยังเคยบาดเจ็บสาหัสด้วย
เทียบกับสวินฉางอันแล้ว หานเจวี๋ยเอ็นดูมู่หรงฉี่มากกว่า
มู่หรงฉี่ดีกว่ามาก อาจหาญร่าเริง ทั้งยังเคารพรักเขาอีก
สวินฉางอันเอะอะก็ปิดกั้นตัวเอง เอะอะก็นึกถึงแต่เชี่ยนเอ๋อร์ หานเจวี๋ยอยากขับไล่เขาออกจากสำนักอาจารย์นัก
ทว่าเห็นแก่ที่เป็นคำสาปของพุทธาเทพ เขาจึงได้แค่อดกลั้นไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...