บทที่ 203 ทศวรรษแห่งโอกาสวาสนา สอดส่องตัวเอกแห่งมรรคาสวรรค์
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นมา
มหาจักรพรรดิเหยียนจวินมีของอยู่บ้าง!
การต่อสู้ในช่วงแรก หานเจวี๋ยถูกข่มโจมตีโดยสมบูรณ์ พลังแผดเผาของเพลิงแท้สุริยะน่ากลัวถึงขีดสุด แม้หานเจวี๋ยจะเอาชนะได้ ใจก็ยังหวาดผวาอยู่
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจสังหารมหาจักรพรรดิเหยียนจวินได้ทันที จะต้องห้ามยุแหย่เขาก่อนเด็ดขาด
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ กับตัวเอง
เมื่อเข้าใจพลังที่แท้จริงของมหาจักรพรรดิเหยียนจวินแล้ว หานเจวี๋ยก็วางใจ มีผู้แข็งแกร่งระดับนี้ปกป้อง เขาไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนบุกรุกโลกเมฆาแดงอีก
มหาจักรพรรดิเหยียนจวินนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศว่างเปล่า เขาฝึกฝนอย่างสงบ ราวกับดวงอาทิตย์ร้อนแรงลูกหนึ่งที่เปล่งแสงจ้าท่ามกลางความมืดมิด
หลังจากหานเจวี๋ยจำลองการทดสอบอยู่หลายชั่วยามก็เริ่มฝึกฝนต่อ
ในส่วนลึกของห้วงอากาศ
บุรุษผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางกลุ่มเปลวเพลิงคุโชน เขาสวมชุดคลุมสีแดง สวมมงกุฎทองคำ แผ่รัศมีอำนาจปานจอมราชาออกมา จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น
“เมื่อครู่…”
มหาจักรพรรดิเหยียนจวินขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ว่าเมื่อครู่มีคนสอดส่องตน แต่เขาจับตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้
มิน่าล่ะจักรพรรดิสวรรค์ถึงส่งเขามาปกป้องโลกใบนี้ ที่แท้ก็มีปัญหาใหญ่จริงๆ ด้วย!
มหาจักรพรรดิเหยียนจวินไม่กล้าละเลย รีบโบกมือทันที เพลิงแท้สุริยะกลุ่มหนึ่งพุ่งออกไป จากนั้นกลายเป็นลูกไฟขนาดเล็กหลายร้อยลูกโบยบินไปทุกทิศทาง
……
ภายในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง ผู้คนเดินขวักไขว่บนท้องถนน
สวินฉางอันยืนอยู่ตรงมุมถนน ยื่นหัวออกไปมอง เขาสวมชุดสีดำ สวมหมวกฟาง กำลังเฝ้าหวังอย่างร้อนใจ
มู่หรงฉี่พลันปรากฏตัวด้านหลังเขา ก่อนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อชอบเข้าแล้ว เช่นนั้นก็ไปพบนางสิ!”
สวินฉางอันตกใจกับน้ำเสียงของศิษย์ หันมากล่าวด้วยความขุ่นเคืองว่า “เหตุใดเจ้าถึงชอบมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง!”
“ฮึ เพราะท่านไม่ตั้งใจฝึกฝน ตบะของข้าสูงเกินไป ท่านถึงได้ไม่รับรู้การมาของข้า!”
สำหรับอาจารย์ท่านนี้ มู่หรงฉี่รู้สึกเหนื่อยใจจริงๆ
คนที่ไม่รู้เรื่องคงคิดว่ามู่หรงฉี่เป็นอาจารย์เสียอีก
สวินฉางอันถอดทอนใจกล่าว “นางสวยขนาดนั้น ต้องไม่ชอบข้าแน่นอน”
มู่หรงฉี่ส่ายหน้า “ท่านเป็นถึงยอดผู้บำเพ็ญ นางเป็นแค่ผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณตัวเล็กๆ เท่านั้น จะปฏิเสธท่านได้อย่างไร”
“เชี่ยนเอ๋อร์ไม่ใช่สตรีที่ดูคนที่ตบะ!”
“ถ้าอย่างนั้นดูที่หน้าหรือ ยังไม่สู้ดูที่ตบะเลย!”
“เจ้า…ศิษย์ทรพี!”
สวินฉางอันโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม อยากจะตบหน้ามู่หรงฉี่สักฉาด แต่ก็จนปัญญาเพราะสู้ไม่ไหว
มู่หรงฉี่เอ่ยว่า “กลัวอะไรกัน ท่านตามหานางมาหลายร้อยปี ถึงแม้จะล้มเหลวก็ต้องลองดูสักหน่อย ศิษย์เองก็จะช่วยให้พวกท่านได้เคียงคู่กัน”
ได้ยินเช่นนี้ สวินฉางอันก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ปลุกความกล้าหาญและเดินออกไป
มู่หรงฉี่รออยู่ที่เดิม สีหน้าท่าทางเหมือนรอชมเรื่องสนุก
……
เวลาผ่านไปช้าๆ ล่วงเลยไปอีกสิบปี
หานเจวี๋ยมีอายุหนึ่งพันสี่ร้อยปีเต็มแล้ว เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาตามความเคยชินก่อนเริ่มทำภารกิจประจำวัน
ตั้งแต่มหาจักรพรรดิเหยียนจวินมาที่นี่ ก็ไม่มีคนมาบุกโจมตีโลกเมฆาแดงอีก
หานเจวี๋ยยังอยู่ห่างจากระดับเซียนลึกล้ำระยะกลางอีกช่วงหนึ่ง ทว่าไม่ห่างมากแล้ว
เขาสาปแช่งไปด้วย อ่านจดหมายไปด้วย
[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย นักพรตเต๋าตันชิงเกิดมารในใจ หมู่เกาะเซียนมังกรเผชิญกับภัยพิบัติทางทะเลที่พบเจอได้ยากในรอบหลายหมื่นปี เกิดความเสียหายยับเยิน]
[โจวฝานสหายของท่านได้รับการช่วยเหลือจากผู้ทรงพลัง เหยียบเข้าสู่แดนเซียน]
[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านไปจากโลกมนุษย์]
[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านพบกับโอกาสวาสนา หลงเข้าไปในแดนผาสุกสวรรค์บรรพกาล]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านรู้แจ้งมรรคกระบี่ไท่อี่ พลังมรรคเพิ่มพูน]
[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x80,393
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านตระหนักรู้มหามรรคในขณะฝึกบำเพ็ญ จิตดั้งเดิมออกจากร่าง ได้รับกรุณาธิคุณมหามรรค]
……
หานเจวี๋ยมองลงไป สิบปีนี้เรียกได้ว่าทศวรรษแห่งโอกาสวาสนาทีเดียว
เขาเรียกค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจสอบตบะของเซวียนฉิงจวิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...