บทที่ 211 สาปแช่งศัตรูวอดวาย แม่แบบที่ทรงพลัง
จอมพลเสินเผิง?
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว อย่าบอกนะว่าจี้เซียนเสินกับจอมพลเสินเผิงมีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ
ไอดำกลางฝ่ามือของเขาก่อตัวเป็นใบหน้าหนึ่ง มองเห็นรูปลักษณ์ไม่ชัดเจน มีเสียงเย็นเยือกดังขึ้นว่า “เจ้าหนู! อย่ายุ่งเรื่องของสำนักพุทธให้มากนัก!”
เรื่องของสำนักพุทธ?
จอมพลเสินเผิงเป็นจารชนของสำนักพุทธหรือ
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ท่านเป็นใคร เหตุใดต้องมาสิงร่างของสหายข้า”
“เฮอะ ข้าคือโพธิสัตว์ไร้ธรรมแห่งสำนักพุทธ เขาได้รับมรดกตกทอดจากข้า ข้าต้องสั่งสอนเขา!”
โพธิสัตว์ไร้ธรรม?
หานเจวี๋ยเรียกค่าความสัมพันธ์ออกมาตรวจดูอีกครั้ง
[จอมพลเสินเผิง: ไม่ทราบตบะ ศิษย์สำนักเต๋านิกายเจี๋ย เพราะสถานะถูกเปิดเผย กายเนื้อถูกสยบ วิญญาณหลักจึงถูกบีบบังคับให้ไปเกิดใหม่ แต่เขายังเหลือทางหนีทีไล่ คิดจะใช้เสี้ยววิญญาณชุบเลี้ยงผู้สืบทอด จากนั้นค่อยคืนชีพตัวเอง และถือโอกาสยุยงปลุกปั่นความสัมพันธ์ระหว่างวังสวรรค์กับสำนักพุทธ เนื่องจากท่านขัดขวางเขา จึงเกิดความเกลียดชังต่อท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
ศิษย์สำนักเต๋านิกายเจี๋ย?
ไส้ศึกซ้อนไส้ศึกหรือ
หานเจวี๋ยอับจนคำพูด แต่ว่านิกายเจี๋ยก็ปลุกความระวังตัวของหานเจวี๋ยขึ้นมาด้วย
สำนักเต๋าไม่ได้ตกต่ำแล้วหรอกหรือ
หรือว่ามหาเคราะห์สถาปนาเทพในเรื่องเล่าตำนานจีนจะมีอยู่จริง ผู้ประพันธ์ได้มหามรรคฉายภาพให้เห็นหรือไม่ก็เข้าฝัน ถึงได้รังสรรค์นวนิยายเรื่องนี้ออกมา ความจริงแล้วเป็นประวัติศาสตร์เทพนิยายช่วงหนึ่ง?
หานเจวี๋ยยิ่งคิดยิ่งเตลิดไปไกล
“ขอเตือนเจ้าไว้ อย่าจุ้นจ้านให้มากนัก” เสียงของจอมพลเสินเผิงดังขึ้นอีกครั้ง เขาจงใจเลียนเสียงคนอื่น คงกลัวว่าจะถูกหานเจวี๋ยจับได้
ถ้าหากจักรพรรดิสวรรค์รู้ว่าเขายังมีทางหนีทีไล่อยู่อีก เขาได้จบเห่จริงๆ แน่
หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “เจ้าไปหาคนอื่นเถอะ”
เขาคลายมือขวาออก ไอดำเผ่นหนีไปทันที
[จอมพลเสินเผิงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หานเจวี๋ยเห็นแล้วใบหน้ากระตุก
ช่างเป็นชายที่เปลี่ยนใจง่ายเสียจริงๆ
จี้เซียนเสินถามด้วยความประหม่า “สำนักพุทธคิดจะทำอะไร เหตุใดถึงพุ่งเป้ามาที่ข้า”
หานเจวี๋ยจ้องเขา กล่าวอย่างจริงจังว่า “อาจเป็นเพราะท่านอ่อนแอกระมัง หากเปลี่ยนเป็นข้า เขาไม่มีทางทำสำเร็จแน่”
จี้เซียนเสิน “…”
“ท่านกลับมาเพราะเหตุใด”
“ข้าคิดว่าข้ามีมารในใจ ดังนั้นจึงมาหาท่าน ตอนนี้เรื่องคลี่คลายแล้ว ไม่สู้ท่านกับข้ามาประลองเวทกันสักตั้ง”
“เดี๋ยวท่านก็ตายหรอก”
“จริงจังหรือ”
“ใช่”
“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ”
จี้เซียนเสินตกใจ ตัดสินใจไม่เสี่ยงอันตรายดีกว่า
ไม่พบหานเจวี๋ยมาหลายร้อยปี เขาเองก็คิดถึงอยู่เหมือนกัน
เขาถามอย่างใคร่รู้ว่า “เฉาเชา ตอนนี้ท่านอยู่ขอบเขตพลังใดแล้ว”
หานเจวี๋ยกล่าวตอบ “พอๆ กับแม่ทัพสวรรค์”
จี้เซียนเสินลอบถอนหายใจโล่งอก เขาก็เป็นแม่ทัพสวรรค์เหมือนกัน!
บางทีพลังแท้จริงอาจห่างชั้นกันมากโข แต่ขอบเขตพลังน่าจะไม่ต่างกันสักเท่าไร
“ช่วงนี้วังสวรรค์กำลังแบ่งพรรคแบ่งพวก ท่านก็ระวังหน่อย” หานเจวี๋ยเอ่ยเตือน
ถึงอย่างไรจี้เซียนเสินก็มาจากโลกมนุษย์แห่งหนึ่งเช่นเดียวกับเขา เขาไม่อยากให้จี้เซียนเสินตายเปล่า
แน่นอน ถ้าหากจี้เซียนเสินจะรนหาที่ตายให้ได้ เช่นนั้นก็หมดหนทางแล้ว
จี้เซียนเสินพยักหน้า
ทั้งคู่พูดคุยกันพักหนึ่ง จี้เซียนเสินก็ย้อนกลับไปทางเดิม
เมื่อมารในใจหายไปแล้ว เขาก็ไม่มีสิ่งใดให้ห่วงอีก คิดเพียงอยากกลับไปตั้งใจฝึกบำเพ็ญ
หานเจวี๋ยก็กลับไปเช่นเดียวกัน
สี่ปีต่อมา
หานเจวี๋ยเอาป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา เล่าเรื่องที่จอมพลเสินเผิงสวมรอยเป็นโพธิสัตว์ไร้ธรรมให้ตี้ไท่ไป๋ฟัง และยังไม่ให้ตี้ไท่ไป๋บอกต่อสิ่งที่เขาเล่าด้วย
ผ่านไปหลายปีแล้ว จอมพลเสินเผิงไม่น่าจะสงสัยมาถึงตัวเขาได้
“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร” ตี้ไท่ไป๋ถามอย่างกังขา
หานเจวี๋ยเอ่ย “ท่านรู้ไว้ก็พอ เหตุใดต้องถามอีก เป็นจริงหรือไม่ ท่านตรวจสอบดูก็จบแล้ว”
เขาคร้านจะประดิดประดอยคำโกหก เลี่ยงไม่ให้ในภายหน้าต้องโกหกมากไปกว่านี้อีก
ตี้ไท่ไป๋นิ่งเงียบ จากนั้นก็ตัดการติดต่อ
หานเจวี๋ยบำเพ็ญตบะต่อไป
……..
ถึงแม้แดนบำเพ็ญพรตจะมีเมฆลมโหมกระพือ เกิดการต่อสู้ไม่หยุดหย่อน แต่มองจากภาพรวมของโลกเมฆาแดงแล้วก็ถือว่าสงบสุข ไม่มีเคราะห์ภัยใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...