บทที่ 212 สำนักซ่อนเร้น อยากเป็นจักรพรรดิสวรรค์
หานเจวี๋ยมองลี่เหยาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ส่งพลังจิตเข้าไปในวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และวางตราประทับหกวิถีให้ลี่เหยาเงียบๆ
เขาลังเลว่าควรผูกมิตรกับลี่เหยาดีหรือไม่
ภายในถ้ำภูเขา
ลี่เหยาเหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างได้ จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา
นางมุ่นคิ้วเรียวงาม ช้อนสายตาขึ้นมองทุกจุดภายในถ้ำ
“แปลก”
ลี่เหยาพึมพำกับตัวเอง นางยกมือขวาขึ้น นิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กัน จากนั้นกดไปทางด้านหน้าคราหนึ่ง ดวงตาสองข้างก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงตามไปด้วย
หานเจวี๋ยมองดูอย่างสนใจ นี่คือตาอะไรกัน
ตาวิเศษหรือ
หานเจวี๋ยรีบถ่ายทอดเสียงบอกลี่เหยาทันที “ประสาทรับรู้ของเจ้าไม่เลวจริงๆ ไม่นึกว่าจะสัมผัสตัวตนของข้าได้”
เขาจงใจทำเป็นลึกล้ำเกินหยั่ง
คิ้วงามของลี่เหยายิ่งขมวดแน่นมากเดิม เอ่ยถามว่า “ผู้อาวุโสหมายความว่าอย่างไร”
ตั้งแต่หักหลังวงศ์ตระกูล หัวใจของนางก็ถูกปิดตาย ไม่เชื่อใครทั้งนั้น
เสียงของหานเจวี๋ยทำให้นางคิดว่ายอดฝีมือตระกูลลู่มาบุกรุก ถึงอย่างไรครึ่งปีก่อนนางก็ฆ่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลลู่ไปไม่น้อย
หานเจวี๋ยถาม “สถานที่ที่เจ้าอยู่คือโลกมนุษย์หรือ”
เมื่อลี่เหยาได้ยิน ก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
อีกฝ่ายถามเช่นนี้ น่าจะไม่ใช่คนของตระกูลลู่
“เป็นโลกมนุษย์ ผู้อาวุโสมาจากแดนเซียนหรือ” ลี่เหยาเอ่ยถาม
หานเจวี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจปฏิบัติด้วยอย่างจริงใจ เล่าเรื่องวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าให้ฟัง
เขาคร้านจะเสแสร้งแกล้งทำ
หานเจวี๋ยกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้ากับข้านับว่ามีวาสนาต่อกัน”
ลี่เหยานิ่งเงียบ ในใจหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
บนโลกใบนี้ก็มีสิ่งอัศจรรย์เช่นนี้อยู่ด้วย
หานเจวี๋ยมองเห็นนางได้ ผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไม่น่าจะมีแค่กลุ่มเดียวด้วย
ในที่มืดก็ไม่รู้ว่ามีสายตามากมายเท่าไรจับจ้องนางอยู่
หานเจวี๋ยมองอาการตื่นตระหนกของนางออก จึงกล่าวว่า “วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะสะท้อนภาพของบุตรแห่งฟ้าดินที่ไม่เคยถูกส่องสะท้อนเท่านั้น หรือกล่าวได้ว่า นอกจากข้าแล้วก็ไม่มีใครอื่นกำลังจับตามองเจ้าอยู่ ข้าก็ไม่ได้สอดส่องเจ้าทั้งวี่ทั้งวัน เวลาส่วนใหญ่ล้วนฝึกบำเพ็ญ
อุปนิสัยของเจ้าเข้ากับข้า ถ้าเจ้าอยากบำเพ็ญเพียร ไม่ถูกใครรบกวน ก็มาพึ่งพาข้าได้”
ลี่เหยารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังถามอย่างระแวดระวัง “ข้าต้องจ่ายอะไรหรือไม่”
หานเจวี๋ยกล่าว “หนึ่งรุ่งทั้งหมดรุ่ง หนึ่งล่มทั้งหมดล่ม ทั้งสายสำนักรับผิดชอบร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
ลี่เหยาถามไล่เลียง “ข้าแค่ต้องลงมือตอนที่สำนักประสบอันตราย ใช่หรือไม่”
“ใช่”
“ผู้อาวุโสอยู่ที่ใด”
“โลกเมฆาแดง”
“หือ? ไม่ใช่แดนเซียน?”
“เป็นโลกมนุษย์เหมือนกัน”
ลี่เหยาเงียบไป คนของโลกมนุษย์สอดแนมนางหรือ
ลี่เหยาเอ่ยว่า “ศัตรูของข้ามีถึงระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่”
“ข้าสังหารเซียนสวรรค์ราวบี้มดปลวก”
ในที่สุดลี่เหยาก็หวั่นไหว
เป็นยอดฝีมือจริงๆ หรือนี่
“เรื่องนี้ไม่อาจให้รู้กันทั่ว หากเจ้าอยากมาหาข้า ก็ให้มาเงียบๆ”
หานเจวี๋ยพึงพอใจพรสวรรค์ของลี่เหยาเป็นอย่างมาก หากอยู่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน ก็เป็นบุคคลสามอันดับแรก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือลี่เหยาไม่เอ้อระเหย เมื่อมาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียนต้องปิดด่านฝึกบำเพ็ญตลอดแน่นอน
ลี่เหยาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วจึงกล่าว “ดี ข้าจะพยายามหาโลกเมฆาแดงให้พบ”
ตอนนี้นางร่อนเร่พเนจรสุดขอบฟ้า ไม่มีที่ใดให้ไปอีก มีผู้อาวุโสยอมรับนางไว้ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว
หานเจวี๋ยตอบรับ ก่อนจะตัดพลังจิต
นี่ก็ถือเป็นบททดสอบเช่นกัน ถ้าหากลี่เหยาหาโลกเมฆาแดงพบ หานเจวี๋ยก็จะรับนางไว้ หากทำไม่ได้ ก็แปลว่าโชคชะตาของลี่เหยาใช้ไม่ได้
ลี่เหยาตกอยู่ในภวังค์ความคิด ลังเลว่าจะไว้ใจหานเจวี๋ยดีหรือไม่
มาคิดดูอีกที อีกฝ่ายมุ่งหวังอะไรในตัวนางกันแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...