บทที่ 242 ระดับจักรพรรดิที่ไกลเกินเอื้อม
พุทธะอาภรณ์ขาวใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มที
บัดซบ!
คิดไม่ถึงว่าจะให้ข้ารอถึงครึ่งปี!
บรรพชนพุทธทั้งหลายยังไม่กล้าวางมาดกับเขาเช่นนี้เลย!
พุทธะอาภรณ์ขาวทำได้เพียงใช้คัมภีร์พุทธสงบจิตใจ
ในที่สุด หานเจวี๋ยก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
พุทธะอาภรณ์ขาวกำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ เขาหรี่ตาถาม “สหายเต๋าซุนเฉวียนยุ่งเรื่องอะไรอยู่หรือ”
“ความลับสวรรค์ไม่อาจแพร่งพรายได้”
“…”
เมื่อมองไปยังหานเจวี๋ย พุทธะอาภรณ์ขาวจะโมโหอย่างไรก็ไม่กล้าระเบิดโทสะออกมา
หนึ่งคือไม่สามารถเอาชนะได้ สองคือเหนือศีรษะของหานเจวี๋ยมีจักรพรรดิสวรรค์อยู่
พุทธะอาภรณ์ขาวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ระยะนี้โลกมนุษย์สงบสุข บุตรแห่งสวรรค์มากมายผงาดโดดเด่น แต่อัตราการขึ้นสู่สวรรค์ยังสูงเกินไป ข้าต้องการให้พวกเขาอยู่บนโลกมนุษย์ต่อ แต่ก็บีบบังคับไม่ได้อีก…”
หานเจวี๋ยถาม “เหตุใดถึงต้องอยู่ที่โลกมนุษย์ต่อ”
“ยิ่งมียอดผู้บำเพ็ญในโลกมนุษย์มากเท่าใด ดวงชะตาโลกมนุษย์ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง จากนั้นเมื่อพลังวิญญาณฟ้าดินได้รับอานิสงส์ ทั้งโลกแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดวงชะตาของเจ้ากับข้าก็จะแกร่งขึ้นไปอีก”
พุทธะอาภรณ์ขาวถือว่าตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังความเห็นแก่ตัวของตน
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นนี้ไม่ดีกระมัง”
นี่ไม่ใช่การทำลายทางหนีทีไล่ของวังสวรรค์หรอกหรือ
วังสวรรค์กำหนดให้โลกมนุษย์ส่งผู้มีพรสวรรค์ไปให้ไม่ขาดไม่ใช่หรือ
“จะไม่ดีได้อย่างไร โลกมนุษย์ที่ทรงพลังเหล่านั้นแทบจะเทียบกับสามโลกได้แล้ว นั่นก็เพราะพวกเขารั้งให้เหล่าบุตรแห่งสวรรค์อยู่ต่อ
เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องวังสวรรค์ ผู้ที่สำเร็จมรรคผลขึ้นสวรรค์ส่วนใหญ่ก็ไปเป็นทหารสวรรค์ แม้แต่การเข้าร่วมวังสวรรค์ยังเป็นเรื่องยากเลย วังสวรรค์เพียงปกครองโลกมนุษย์ หาใช่พึ่งพาโลกมนุษย์”
พุทธะอาภรณ์ขาวพูดมีนัยแฝงลึกซึ้ง ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีเหตุผล
เขาเผลอใช้ความคิดสมัยใหม่ไปพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างวังสวรรค์และโลกมนุษย์โดยจิตใต้สำนึก
วังสวรรค์ต้องการโชคชะตา ทว่าไม่ได้พึ่งพาโชคชะตาของมนุษย์
มีได้ แต่ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องมี
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ทำเถิด ข้ายังต้องฝึกบำเพ็ญอีก เรื่องพวกนี้มอบให้เจ้าจัดการไป ข้าแบ่งดวงชะตาของโลกเขย่าพิภพให้เจ้าร่วมใช้ได้ ขอเพียงเจ้าไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็ยินดีที่เจ้ามาปกป้องโลกเขย่าพิภพด้วยซ้ำ”
[ความประทับใจที่พุทธะอาภรณ์ขาวมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจขณะนี้คือ 3.5 ดาว]
เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนบรรทัดนี้เบื้องหน้า หานเจวี๋ยพึงพอใจมาก
พุทธะอาภรณ์ขาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดี ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเทพบนโลกมนุษย์ ข้าต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าด้วย”
หานเจวี๋ยถาม “เมื่อใดจะได้พิสูจน์จักรพรรดิ”
พุทธะอาภรณ์ขาวอึ้งงัน ไม่คิดว่าจู่ๆ หานเจวี๋ยจะถามคำถามนี้ เขายิ้มฝาดพลางตอบ “ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าเตรียมการมาหลายสิบล้านปีแล้วเพื่อการพิสูจน์จักรพรรดิ เฮ้อ!”
สิบล้านปีหรือ
นานขนาดนี้เชียว
หานเจวี๋ยตกใจ นี่ก็เกินเหตุไปหน่อย
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าระดับจักรพรรดิเซียนอาจบรรลุยากกว่าที่ตัวเองคิดไว้
เจียงอี้ผู้นั้นน่ากลัวจริงๆ บอกจะเหยียบข้ามระดับก็เข้ามาเลย
“แล้วเจ้าเล่า” พุทธะอาภรณ์ขาวถาม
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นกันๆ”
พูดจบเขาก็หายตัวไปจากที่เดิม
พุทธะอาภรณ์ขาวขมวดคิ้ว คำพูดของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความนัย
อะไรคือเช่นกันๆ
หมายถึงพวกเขากำลังจะบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนเหมือนกัน หรือหมายถึงหานเจวี๋ยจะอยู่ได้นานกว่าเขา?
ทุกครั้งที่พบหานเจวี๋ย พุทธะอาภรณ์ขาวจะรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งไป
หานเจวี๋ยอันตรายมาก ไม่สามารถยุแหย่ได้ง่ายๆ!
…..
เมื่อกลับมาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยเรียกทุกคนมารวมกันแล้วเริ่มเทศนาธรรมแก่พวกเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่ลี่เหยาได้ฟังหานเจวี๋ยเทศนาธรรม
สำหรับพลังมรรคของหานเจวี๋ย นางใคร่รู้มาโดยตลอด
ผู้อาวุโสแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
หลังจากตระหนักรู้มหามรรคาเวียนว่ายตายเกิด แก่นมรรคของหานเจวี๋ยก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยท่วงทำนองแห่งมรรค ทำให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะตระหนักในสัจธรรมได้อย่างรวดเร็ว
การเทศนาธรรมครั้งนี้กินเวลาครึ่งปี ทุกคนต่างรู้แจ้งไม่มากก็น้อย
ตำนานเล่าว่า เมื่อนานแสนนานมาแล้วบรรพชนของลัทธิเต๋าเคยแสดงธรรมเป็นเวลา 3,000 ปี ทำให้พลังมรรคของปัญญาชนราว 3,000 คนเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด ดีกว่าการฝึกฝนหลายปีมาก
ยิ่งระดับตบะสูง การแสดงธรรมและถกมรรคก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...